การย้ายทีมของเจเรมี่ ฟริมปงสู่ลิเวอร์พูลในฤดูกาล 2025/26 กลายเป็นหนึ่งในดีลที่น่าจับตามองที่สุด ไม่ใช่แค่เพราะฝีเท้าของเขาในสนามแต่ยังเพราะเส้นทางชีวิตที่ไม่ธรรมดา จากเด็กอะคาเดมี่ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่เคยถูกมองข้ามกลับกลายเป็นนักเตะที่สร้างชื่อในเวทียุโรป และตอนนี้เขากำลังก้าวสู่จุดสูงสุดในพรีเมียร์ลีก
ไม่เพียงแค่ในสายตาของแมวมองและกุนซือ ฟริมปงยังกลายเป็นชื่อที่คุ้นหูในหมู่ผู้เล่นพนันกีฬา โดยเฉพาะในตัวเลือกผู้ที่จะทำประตู เขามักถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม ตัวเลือกแนะนำ สำหรับการวางเดิมพันและคาดว่าจะได้รับความนิยมต่อเนื่องในพรีเมียร์ลีก ความเร็ว การเปิดบอลในจังหวะชี้ขาด และบทบาทเกมรุกจากริมเส้น ทำให้เขาเป็นนักเตะที่อาจพลิกผลการแข่งขันได้ทุกเมื่อ
ในยุคที่ฟุตบอลเชื่อมโยงกับความบันเทิงและเทคโนโลยีมากขึ้น การพนันกีฬากลายเป็นกิจกรรมคู่ขนานที่เติบโตตามสโมสรใหญ่ แฟนบอลสามารถเดิมพันออนไลน์ได้สะดวกยิ่งขึ้นโดยใช้เหรียญคริปโตที่น่าลงทุน 2025 เช่น BTC, ETH และ XRP มาชำระเงิน อีกทั้งยังนำไปใช้ซื้อของที่ระลึกหรือบริการดิจิทัลอื่น ๆ ได้อีกด้วย แนวโน้มนี้สะท้อนการยอมรับของสกุลเงินดิจิทัลในวงการกีฬาและเป็นทางเลือกใหม่ที่ทั้งนักลงทุนและแฟนบอลที่ให้ความสนใจ
หากย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชื่อของเจเรมี่ ฟริมปงแทบไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เขาเป็นเด็กหนุ่มชาวดัตช์เชื้อสายกานาที่เติบโตในอังกฤษ โดยเข้าเรียนที่อะคาเดมี่ของแมนซิตี้และแม้จะมีความสามารถที่น่าจับตาแต่เขากลับไม่ได้รับการผลักดันเท่าที่ควร
โค้ชเยาวชนของเขาในตอนนั้นแกเร็ธ เทย์เลอร์เคยเล่าว่าฟริมปงมีบุคลิกโดดเด่นเป็นคนร่าเริงและมีพลัง แต่ก็ยังไม่ได้เป็นดาวเด่นของทีมเท่ากับเพื่อนร่วมรุ่นอย่างเฟลิกซ์ เอ็นเมชา
หนึ่งในเหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตของเขาคือเกม FA Youth Cup ที่แมนซิตี้ต้องเล่นแบบ 10 คนกับดาร์บี้ เคาน์ตี้ ฟริมปงถูกขยับจากแบ็กขวาไปยืนเป็นปีกเพื่อแก้สถานการณ์และเขาก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม จนยิงประตูชัยให้ทีมได้สำเร็จ เกมนั้นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนมุมมองที่หลายคนมีต่อเขา
อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่ทีมชุดใหญ่ของแมนซิตี้นั้นเต็มไปด้วยการแข่งขันและข้อจำกัด ฟริมปงไม่ได้อยู่ในสายตาของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า และดูเหมือนว่าโอกาสในทีมชุดใหญ่จะริบหรี่ลงทุกวัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาตัดสินใจย้ายไปเซลติกในปี 2019 การตัดสินใจนั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพ เพราะภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี เขาก็สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองในลีกสก็อตต์ได้อย่างโดดเด่น
ที่เซลติก ฟริมปงได้รับโอกาสลงเล่นในเกมใหญ่ทันทีและแม้จะเคยโดนใบแดงในนัดชิงถ้วยกับเรนเจอร์ส แต่เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่คว้าแชมป์ในฤดูกาลนั้น อดีตนักเตะอย่างคริส ซัตตันยกย่องว่าเขาเป็น "นักเตะที่มีความรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ" และมีพลังในการเร่งเกมรุกแบบที่ไม่สามารถเทียบกับฟูลแบ็กรุ่นเดียวกันได้
หลังจากนั้นไม่นาน เลเวอร์คูเซนก็มองเห็นศักยภาพในตัวเขาและคว้าตัวมาร่วมทีม การเปลี่ยนจากฟูลแบ็กเป็นวิงแบ็กในระบบของชาบี อลอนโซ่ทำให้ฟริมปงกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดในบุนเดสลีกา เขาทำผลงานทั้งในเกมรุกและรับได้อย่างสมดุลจนช่วยให้เลเวอร์คูเซนคว้าแชมป์ในฤดูกาล 2023/24 ได้สำเร็จ
สิ่งที่น่าสนใจคือฟริมปงไม่ใช่นักเตะที่พึ่งพิงพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว เขายังแสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาตัวเองอย่างจริงจัง แม้ในช่วงพักกลับมาเยี่ยมครอบครัวในอังกฤษ เขายังจ้างโค้ชส่วนตัวฝึกซ้อมเสริมอยู่เสมอ ทัศนคติแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เขาเติบโตในสนามแต่ยังทำให้เขาได้รับการชื่นชมและยอมรับจากเพื่อนร่วมทีมและโค้ชด้วย
การย้ายมาลิเวอร์พูลจึงไม่ใช่เพียงแค่การเซ็นสัญญาเป็นตัวแทนของเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แต่คือการนำคุณสมบัติใหม่ ๆ มาสู่ทีม ฟริมปงอาจไม่เด่นด้านการจ่ายบอลระยะไกลเหมือนเทรนต์ แต่เขามีความเร็วและความสามารถในการเล่นแบบหนึ่งต่อหนึ่งได้อย่างน่าทึ่ง การเข้ามาของเขาอาจทำให้เกมฝั่งขวาของลิเวอร์พูลเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
คำถามที่หลายคนอยากรู้คือเขาจะเล่นเข้าขากับโม ซาลาห์ได้มากน้อยแค่ไหน? การเล่นสไตล์บุกโจมตีจากด้านข้างของฟริมปงอาจช่วยเปิดพื้นที่ให้ซาลาห์หรืออาจเกิดปัญหาทับซ้อนในตำแหน่งซึ่งเป็นโจทย์ที่อาร์เน่ สลอตต้องหาทางแก้ไข โดยอาจมีการหมุนเวียนกับคอเนอร์ แบรดลีย์ตามความเหมาะสมในแต่ละเกม
แม้จะมีข้อกังขาบางอย่างโดยเฉพาะในเรื่องของสมาธิในเกมรับ แต่ฟริมปงก็มีคุณสมบัติที่น่าชื่นชม เช่น การตั้งหลักได้อย่างรวดเร็วหลังจากพลาด การไม่เกรงกลัวต่อความกดดัน และความมุ่งมั่นในการพัฒนาความเข้าใจเกมฟุตบอลในระดับสูง คริส ซัตตันถึงกับบอกว่า ในราคานี้ เขาคือดีลที่คุ้มค่ามาก
การเข้ามาแทนที่รองกัปตันทีมอย่างเทรนต์ไม่ใช่ภารกิจง่าย แต่จากประวัติที่ผ่านมาแฟนบอลลิเวอร์พูลคงมีเหตุผลพอจะเชื่อว่าเจเรมี่ ฟริมปงมีคุณสมบัติที่จะก้าวข้ามความคาดหวังและกลายเป็นหนึ่งในนักเตะสำคัญของลิเวอร์พูลในยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง
แม้จะเริ่มต้นจากสถาบันลูกหนังระดับท็อปอย่างแมนซิตี้ แต่เส้นทางของฟริมปงพิสูจน์ให้เห็นว่าการถูกมองข้ามในช่วงแรกไม่ได้หมายถึงการหมดอนาคตเสมอไป เขาเลือกเดินออกจากเงาของระบบที่มีการแข่งขันสูงไปสู่อ้อมแขนของเซลติกซึ่งเปิดโอกาสให้เขาแสดงศักยภาพในเกมจริงและจากจุดนั้นเองที่ทำให้เขาเริ่มเปล่งประกาย
ความกล้าที่จะก้าวออกนอกเส้นทางที่คนอื่นคาดหวังกลายเป็นกุญแจที่เปิดประตูสู่ความสำเร็จในเวทีระดับโลกของเขาในวันนี้