���������� บีบีซี สปอร์ต สื่อชั้นนำของเมืองผู้ดีรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษเตรียมเสนอแผนปฏิรูปการบริหารของบรรดาสโมสรฟุตบอลอาชีพทั่วประเทศ ในด้านความเป็นเจ้าของ, การเงิน และการมีส่วนร่วมของแฟนบอล หลังเกิดดราม่าที่ 6 ทีมใหญ่ของศึกพรีเมียร์ลีก ประกอบด้วย ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซนอล, สเปอร์ส และ เชลซี ไปร่วมโปรเจกต์ "ยูโรเปียน ซูเปอร์ลีก" เพื่อสร้างการแข่งขันรายการใหม่ขึ้นมา
���������� ทั้งนี้ กลุ่ม "บิ๊กซิกซ์" ได้เข้าไปเป็น 12 ทีมแกนนำของ "ยูโรเปียน ซูเปอร์ลีก" ซึ่งจะแยกตัวออกไปจัดการแข่งขันกันเองแทนการเข้าร่วม ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และ ยูโรปาลีก ของ สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) เนื่องจากยังไม่พอใจตัวเลขผลประโยชน์ในปัจจุบัน หลังเจอวิกฤติโควิด-19 ก่อนถูกกระแสต่อต้านอย่างหนักจนต้องยอมถอนตัว
���������� จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดสัปดาห์นี้ ทำให้ล่าสุด ไนเจล ฮัดเดิลสตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกีฬา ออกมาเปิดเผยว่าจะมีการทบทวนเรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารสโมสรลูกหนังโดยให้แฟนบอลเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น
���������� แผนดังกล่าวได้มีการมอบหมายให้ เทรซีย์ เคราช์ สมาชิกรัฐสภาเป็นประธานการตรวจสอบและรายงานข้อเสนอแนะกลับไปยังรัฐบาล รวมถึงสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ซึ่งจะดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อความยั่งยืนของวงการฟุตบอล, ความสามารถในการแข่งขัน และที่สำคัญที่สุดคือความผูกพันที่สโมสรมีต่อแฟนบอลและชุมชนท้องถิ่น
���������� รายงานระบุว่า วงการฟุตบอลอังกฤษอาจพิจารณานำรูปแบบการบริหารของสโมสรในประเทศเยอรมนี ที่เรียกว่า "กฎ 50+1" มาใช้ ซึ่งกำหนดให้แฟนบอลต้องเป็นเจ้าของสโมสร ด้วยการถือหุ้นอย่างน้อย 51 เปอร์เซ็นต์ และห้ามมีผู้บริหารคนใดคนหนึ่งถือหุ้นมากกว่า 49 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเป็นการรับประกันว่าสโมสรจะไม่อยู่ในเงื้อมมือของนายทุนที่จะเข้ามาเทคโอเวอร์ และนำสโมสรไปดำเนินธุรกิจตามใจชอบ