เคอร์ติส โจนส์ มิดฟิลด์ลิเวอร์พูล เผยว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ชี้แจงกับเพื่อนร่วมทีมอย่างชัดเจนหลังไปให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังจบเกมเสมอลีดส์ ยูไนเต็ด 3-3 โดยแข้งชาวอียิปห์ไม่ได้โจมตีเพื่อนร่วมทีมคนไหนเลย และโจนส์ก็ยืนยันว่าเรื่องนี้ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศภายในห้องแต่งตัวของ 'หงส์แดง' ด้วย
ซาลาห์ ได้ให้สัมภาษณ์จุดกระแสดราม่าหลังเกมเสมอลีดส์ ยูไนเต็ด โดยระบุในเวลานั้นว่า ความสัมพันธ์กับกุนซือเริ่มย่ำแย่ลง และรู้สึกเหมือนถูก โยนให้เป็นแพะ หลังโดนดร็อปจาก 11 ตัวจริงติดต่อกันถึง 3 นัด ก่อนที่เขาจะถูกตัดชื่อจากทีมชุดบุกไปชนะ อินเตอร์ มิลาน ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ช่วงกลางสัปดาห์
ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเกมกับ ไบรท์ตัน อาจเป็นนัดสุดท้ายของดาวยิงวัย 33 ปีในถิ่นแอนฟิลด์ อนาคตของ โม ยังคงเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม โดยเฉพาะเมื่อเขากำลังจะเดินทางไปรับใช้ทีมชาติอียิปต์ในศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชันส์ ทำให้ข่าวลือย้ายทีมอาจถูกพูดถึงหนักขึ้นในช่วงตลาดเดือนมกราคม
อย่างไรก็ตาม หลังเกมที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านชนะ ไบรท์ตัน 2-0 โจนส์ ออกมาลดกระแสดราม่า พร้อมเผยว่า ซาลาห์ ได้ชี้แจงกับทีมชัดเจนว่า คำพูดก่อนหน้านี้ไม่ได้มุ่งโจมตีเพื่อนร่วมทีม หรือส่งผลต่อบรรยากาศในห้องแต่งตัว
พวกเราทุกคนรักโม ผมก็รักโม โจนส์ กล่าวกับ Viaplay
ในช่วงเวลาที่ยากที่สุดของผมกับสโมสร เขาเป็นคนที่อยู่ตรงนั้นเสมอ ผมคุยกับเขาได้ตลอด และตอนนี้ก็เหมือนเดิม
โมเป็นคนที่มีความคิดของตัวเอง มีมุมมองของตัวเอง และผมไม่คิดว่าเจตนาของเขาคืออยากให้ทีมเสียหายหรืออะไรแบบนั้น มันเป็นเรื่องส่วนตัวล้วน ๆ และทุกคนก็รู้ดีว่า ทีม แฟนบอล สตาฟฟ์ พวกเรารักโม เขาเป็นคนดีมาก
ผมไม่อยากไปพูดถึงปัญหาของคนอื่นมากนัก เพราะมันเป็นเรื่องของโม แต่สิ่งสำคัญคือ โมทำให้ชัดเจนแล้วว่า มันไม่ใช่เรื่องต่อต้านทีม เป็นแค่ปัญหาส่วนตัว เท่านั้น
ทั้งนี้ ในเกมพบไบรท์ตัน ซาลาห์ เริ่มต้นด้วยการนั่งสำรอง แต่ถูกส่งลงสนามตั้งแต่ครึ่งแรกแทน โจ โกเมซ ที่เจ็บ และมีส่วนสำคัญด้วยการทำแอสซิสต์ให้ อูโก้ เอกิติเก้ ยิงประตูที่สอง ช่วยให้ลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะ 2-0 ได้สำเร็จ
นอกจากนี้ โจนส์ ยังทำสถิติลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ครบ 200 นัดในเกมเดียวกัน กลายเป็นนักเตะลิเวอร์พูลอายุน้อยที่สุดที่แตะหลักไมล์นี้นับตั้งแต่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เมื่อปี 2003 และเจ้าตัวยังยกเครดิตให้ตำนานกัปตันทีมที่เคยเป็นโค้ชในอะคาเดมีว่า เปลี่ยนชีวิต และทำให้เขาโตขึ้นทั้งในสนามและนอกสนาม พร้อมทิ้งท้ายว่า 200 นัดผ่านไปแล้ว และหวังว่าจะมีอีกมากมายตามมา