อลัน เชียเรอร์ ตำนากองหน้าชาวอังกฤษ กล่าวยกย่อง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กองหลัง ลิเวอร์พูล ที่โชว์ฟอร์มได้สุดยอดในการรับมือกับ เออร์ลิง ฮาลันด์ ดาวยิง แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ เพิ่งเสมอกัน 1-1 ในเกมลีกนัดล่าสุด โดยหนึ่งในสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจในช่วงก่อนเกมคือการดวลกันระหว่าง ฟาน ไดค์ กับ ฮาลันด์ เพราะทั้งคู่ต่างก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดในตำแหน่งของตัวเองประจำยุคนี้
เชียเรอร์ เผยว่า "การที่คุณจะเล่นแบบไหนมันขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องเจอกับใครล่ะนะ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องดวลกับคู่แข่งที่คุณรู้ว่าวิ่งได้ไม่เร็วเท่าคุณแล้วล่ะก็ วิธีการเล่นที่ควรจะทำก็แน่นอนว่าต้องเป็นการแตะบอลไปไกลๆ แล้ววิ่งไปเล่นเองซะเลย"
"อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถทำแบบนั้นกับ เฟอร์จิล ได้ เพราะว่ากองหลัง ลิเวอร์พูล เป็นหนึ่งในเพียงไม่กี่คนที่จะตามประกบติด ฮาลันด์ ได้ ต่อให้เขา (ฟาน ไดค์) จะวิ่งแบบกลับหลังก็ตาม ปกติแล้วถ้าผมเป็นโค้ชให้กองหลังอายุน้อยน่ะ ผมจะบอกกับพวกเขาว่าอย่ายืนในแบบที่หันหลังให้กับลูกบอลมากนัก แต่ว่า ฟาน ไดค์ ไม่เคยปล่อยให้ ฮาลันด์ หลุดไปจากสายตาของเขาเลย เขาย่อตัวต่ำแล้วหันด้านข้างใส่อยู่เสมอ ซึ่งนั่นทำให้เขาพร้อมที่จะพุ่งไปทางไหนก็ได้เพื่อที่จะวิ่งตามไปประกบอีกฝ่าย"
"สิ่งที่เขา (ฮาลันด์) พยายามจะทำก็คือการสลับไปทางซ้าย, ทางขวา, ทางซ้าย, ทางขวา แล้วก็พยายามทำให้ เฟอร์จิล เสียหลักเพื่อที่ตัวเองจะได้เป็นฝ่ายกุมสถานการณ์ในการดวลกัน แต่อีกฝ่ายไม่เสียท่าจนพุ่งเข้ามาสกัดใส่เลย เขายืนคุมเชิงได้ดีอยู่ตลอด"
ขณะที่ โซล บัมบ้า อดีตกองหลังชาวไอวอรี่ โคสต์ ที่เคยเล่นใน พรีเมียร์ลีก กับทาง คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ มาแล้วนั้น ก็ออกปากชม ฟาน ไดค์ เช่นกัน "เขาไม่เคยพุ่งเข้าไปเสียบอีกฝ่ายเลย และนั่นเป็นเหมือนงานศิลปะที่สวยงาม ปกติแล้วหลายคนจะโดนหลอกล่อให้พุ่งเข้าไปเสียบได้ง่ายๆ แต่เมื่อคุณทำแบบนั้นกับนักเตะแบบ ฮาลันด์ แล้วน่ะ อีกฝ่ายก็จะแตะบอลหลบคุณแล้วหนีคุณไปได้"
"ผมบอกเลยว่าถ้าจังหวะนั้นเป็นผมล่ะก็ ผมก็อาจจะทำฟาวล์ไปแล้ว เพราะ นีล วอร์น็อค เคยพูดกับเราว่า -ถ้าบอลมันผ่านแกไปได้แล้วน่ะ กองหน้าก็ห้ามผ่านแกไปด้วยเด็ดขาด!- แต่การจะถอยไปรับมือในจังหวะแบบนั้นได้น่ะมันต้องเล่นแบบมีวินัยสูงมากๆ ฟาน ไดค์ เป็นนักเตะที่ฉลาดสุดๆ เขาเล่นด้วยหัวของเขาและอ่านเกมได้ดี"
"พอเขาไม่สามารถสลัดหนีไปได้ไม่ว่าจะโยกไปทั้งทางซ้ายและฝั่งขวาแล้วน่ะ ฮาลันด์ ก็คงจะคิดว่า -โอเค ฉันคงจะไม่เหลือเวลาให้ทำเรื่องต่างๆ มากนัก ดังนั้นฉันต้องยิงให้เร็ว- ซึ่งในความเป็นจริงนั้นเขาคงอยากจะเข้าไปใกล้ประตูอีกสัก 3 หรือ 4 หลา ดังนั้นมันเลยต้องบอกว่า ฟาน ไดค์ ทำงานของตัวเองได้ดีจนทำให้กองหน้าของอีกฝ่ายตัดสินใจยิงในตอนที่หมดทางเลือกแล้ว เขาทำให้อีกฝ่ายยิงได้ยาก เขาตามประกบติดอีกฝ่ายเป็นระยะถึง 40 หลา และบีบให้เขาต้องยิงในแบบที่ยากสุดๆ"
ด้าน เชียเรอร์ เสริมว่า "ถ้าสมัยที่ผมยังรุ่งๆ แล้วน่ะผมก็คงอยากจะดวลกับกองหลังแบบนี้บ้าง! ตัว ฮาลันด์ เองนั้นอาจจะมีความมั่นใจในตัวเองในสถานการณ์นั้น แต่เขาก็ไม่สามารถทำประตูได้ ซึ่งหลักๆ แล้วมันเป็นเพราะการเล่นเกมรับที่ดี ไม่ได้มาจากการเล่นเกมรุกที่แย่"