ลิเวอร์พูล จ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ประกาศผลประกอบการของสโมสรในฤดูกาล 2022/23 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 กุมภาพันธ์ โดยมียอดขาดทุนก่อนหักภาษีอยู่ที่ 9 ล้านปอนด์ (ประมาณ 405 ล้านบาท) แต่มีรายได้จากการดำเนินงานเชิงพาณิชย์สูงสุดเป็นประวัติการณ์
"หงส์แดง" มีรายได้จากสื่อลดลง 19 ล้านปอนด์ (ประมาณ 855 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับซีซั่นก่อนหน้า โดยลงมาอยู่ที่ 242 ล้านปอนด์ (ประมาณ 10,890 ล้านบาท) ขณะที่รายได้ในวันแข่งขันลดลง 7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 315 ล้านบาท) มาอยู่ที่ 80 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,600 ล้านบาท) ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่ตกรอบไวในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังโดน เรอัล มาดริด เขี่ยร่วงรอบ 16 ทีมสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล มีรายได้เชิงพาณิชย์รวมทั้งจากการสินค้าต่างๆ เพิ่มขึ้น 25 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,125 ล้านบาท) ไปอยู่ที่ 272 ล้านปอนด์ (ประมาณ 12,240 ล้านบาท) ซึ่งสูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสร ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 17 ล้านปอนด์ (ประมาณ 765 ล้านบาท) ไปอยู่ที่ 562 ล้านปอนด์ (ประมาณ 25,290 ล้านบาท)
ขณะที่ยอดค่าเหนื่อยนักเตะเพิ่มขึ้น 7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 315 ล้านบาท) จาก 366 ล้านปอนด์ (ประมาณ 16,470 ล้านบาท) ไปอยู่ที่ 373 ล้านปอนด์ (ประมาณ 16,785 ล้านบาท) โดยสาเหตุมาจากการต่อสัญญากับนักเตะอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โจ โกเมซ, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, เคอร์ติส โจนส์ และ จาเรลล์ ควอนซาห์ เป็นต้น รวมถึงดึงแข้งใหม่อย่าง ดาร์วิน นูนเญซ และ โคดี้ กัคโป มาเสริมทัพ
ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่จ่ายค่าเหนื่อยนักเตะรวมมากสุดเป็นอันดับสองใน พรีเมียร์ลีก โดยเบอร์หนึ่งเป็นของ แมนฯ ซิตี้ ที่มียอดรวม 423 ล้านปอนด์ (ประมาณ 19,035 ล้านบาท) ขณะที่ เชลซี รั้งอันดับ 3 (360 ล้านปอนด์) ตามมาด้วย แมนฯ ยูไนเต็ด (331 ล้านปอนด์)