กลายเป็นดีลที่สร้างความเซอร์ไพรส์ได้พอตัวเมื่อมีกระแสข่าวว่า ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จในการคว้าตัว วาตารุ เอ็นโดะ แข้งชาวญี่ปุ่นของ เฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท ได้แล้ว โดยค่าตัวของเขาเชื่อกันว่าอยู่ที่ 18 ล้านยูโร
แน่นอนว่านี่เป็นดีลที่ ลิเวอร์พูล หวังว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาในเรื่องการขาดกองกลางตัวรับได้ หลังจาก "หงส์แดง" เสียทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ฟาบินโญ่ ให้กับทีมในซาอุดี อาระเบีย ไปในช่วงซัมเมอร์นี้
อย่างไรก็ตาม หลายคนก็อาจจะยังไม่รู้จักแข้งวัย 30 ปีดีนัก วันนี้เราเลยจะขอนำเสนอเรื่องราวของเขาสักหน่อย
1. เส้นทางก่อนถึงยุโรป
เอ็นโดะ เริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักเตะด้วยการเข้าสู่อะคาเดมี่ของ โชนัน เบลล์มาเร่ เมื่อปี 2008 ก่อนจะขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ในปี 2010 และพอถึงปี 2016 เขาก็ได้ไปซบ อุราวะ เร้ด ไดม่อนด์ส ตามด้วยการซบ แซงต์-ตรุยด็อง ทีมในเบลเยียมที่ถือว่ามีสายสัมพันธ์กับ อุราวะ เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ในปี 2019 เอ็นโดะ ได้โอกาสไปเล่นแบบยืมตัวกับ สตุ๊ตการ์ท ซึ่งเขาก็ทำผลงานได้น่าประทับใจจนทำให้ "ม้าขาว" เลือกดึงเขาร่วมทัพแบบถาวร และดาวเตะเลือดซามูไรก็เป็นกำลังหลักให้กับทีมอย่างยาวนาน
2. สารพัดประโยชน์
เอ็นโดะ เป็นคนที่เล่นได้ทั้งในตำแหน่งกองกลางตัวรับและกองหลัง แต่แน่นอนว่าเขาถนัดกับการยืนตรงกลางสนามมากกว่า โดยในจำนวน 15 ประตูที่เขาทำด้กับ สตุ๊ตการ์ท นั้น มันมี 10 ลูกที่เกิดจากการรับบทบาทกองกลาง แถมเขายังทำได้ 10 แอสซิสต์กับการเล่นในตำแหน่งนี้ด้วย
หนึ่งในประตูที่ เอ็นโดะ ทำได้นั้นถือเป็นประตูที่ล้ำค่าต่อ สตุ๊ตการ์ท มากๆ เพราะมันเป็นประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของเกม บุนเดสลีกา นัดปิดฤดูกาล 2021-22 ที่ทำให้ทีมชนะ โคโลญจน์ 2-1 เพราะมันทำให้ สตุ๊ตการ์ท จบฤดูกาลด้วยการเป็นที่ 15 ของตารางคะแนน และไม่ต้องไปเล่นเกมเเพลย์ออฟหาทีมเลื่อนชั้น-ตกชั้น
นอกจากนี้ สมัยค้าแข้งในเจลีก กับ อุราวะ เร้ดส์ เอ็นโดะ เคยขยับมาเล่นแบ็กขวาด้วยและเจ้าตัวทำผลงานได้ดีไม่แพ้ตำแหน่งอื่นๆ
3. เอาชนะใจจนได้เป็นกัปตัน
บุนเดสลีกา ถือเป็นลีกในทวีปยุโรปที่มีนักเตะชาวญี่ปุ่นค้าแข้งด้วยหลายรายตลอดช่วงที่ผ่านมา แต่มันไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจให้เป็นตัวหลักของทีม ยิ่งกับการได้เป็นผู้นำของทีมแล้วยิ่งหาได้ยากมากขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม เอ็นโดะ สามารถทำเรื่องที่น่าทึ่งได้ เพราะเขาเริ่มได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมของ สตุ๊ตการ์ท เมื่อฤดูกาล 2020-21 และได้เป็นกัปตันทีมแบบเต็มซีซั่นตั้งแต่ฤดูกาล 2021-22 เป็นต้นมา โดยที่ เปเยกรีโน่ มาตาราซโซ่ อดีตกุนซือ สตุ๊ตการ์ท ซึ่งเป็นคนมอบปลอกแขนให้ เอ็นโดะ เคยบอกด้วยว่านี่คีอคนที่มีคุณสมบัติการเป็นผู้นำอย่างแท้จริง
"สำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องสำคัญที่กัปตันทีมของเราต้องสามารถพาทุกคนเดินหน้าไปพร้อมกับเขาได้ เป็นคนที่ทำให้คุณค่าที่เรายืนหยัดมันมีความเป็นรูปธรรม และเป็นแบบอย่างให้คนอื่นทำตามได้ อีกหนึ่งสาเหตุที่ผมเลือก วาตารุ เอ็นโดะ เป็นเพราะเขาคือคนที่พร้อมจะให้คนอื่นก้าวขึ้นมาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องต่างๆ เช่นกัน"
4. ประสบความสำเร็จมาแล้ว
อุราวะ เร้ด ไดม่อนด์ส คือหนึ่งในทีมที่ เอ็นโดะ เคยค้าแข้งให้ และนั่นคือสโมสรที่เขาได้โอกาสสัมผัสกับบรรยากาศของการเป็นแชมป์มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ เจ.ลีก คัพ ในปี 2016, ซูรูกะ แบงค์ แชมเปี้ยนชิพ ในปี 2017 และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ประจำปี 2017 โดยในนัดชิงชนะเลิศทั้ง 2 เกมกับ อัล-ฮิลาล เขาก็ได้เป็นตัวจริงทั้งหมดด้วย ส่วนกับ โชนัน เบลล์มาเร่ เขาเคยได้แชมป์ระดับดิวิชั่น 2 กับที่นั่นเมื่อปี 2014
นอกจากนี้ เอ็นโดะ ก็เคยเป็นหนึ่งในขุนพลทีมชาติญี่ปุ่นรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ชุดที่ได้แชมป์ศึกชิงแชมป์ทวีปเอเชียของรุ่นนั้นประจำปี 2016 ภายใต้การนำของโค้ช มาโกโตะ เทกุระโมริ ที่ปัจจุบันคุม ชลบุรี เอฟซี ในไทยลีก เช่นกัน น่าเศร้าที่กับทีมชาติชุดใหญ่เขายังไปไม่ถึงฝั่งฝัน ที่ใกล้เคียงที่สุดคือศึก เอเชี่ยน คัพ ประจำปี 2019 ที่ทัพ "ซามูไร บลู" เป็นรองแชมป์จากการแพ้ กาตาร์ ในนัดชิงดำ
5. ผลงานของ วาตารุ เอ็นโดะ เมื่อเทียบกับกองกลางทุกคนของ บุนเดสลีกา ตั้งแต่เริ่มฤดูกาล 2020-21 เป็นต้นมา
แย่งบอลในพื้นที่สุดท้ายของแดนหลังได้มากที่สุด (254 ครั้ง)
ชนะการดวลลูกกลางอากาศมากที่สุด (219 ครั้ง)
เคลียร์บอลพ้นพื้นที่อันตรายมากที่สุด (175 ครั้ง)
เคลียร์บอลพ้นพื้นที่อันตรายด้วยลูกโหม่งมากที่สุด (105 ครั้ง)
ได้จับบอลมากเป็นอันดับ 2 (6,511 ครั้ง)
ผ่านบอลเข้าเป้ามากเป็นอันดับ 2 (3,940 ครั้ง)
แย่งบอลในพื้นที่สุดท้ายของกลางสนามมากเป็นอันดับ 2 (404 ครั้ง)
เข้าสกัดมากเป็นอันดับ 2 (208 ครั้ง)