เจมี่ คาร์ราเกอร์ ระบุ ลิเวอร์พูล กำลังมีโครงสร้างภายในที่เละเทะ จากการต้องเปลี่ยนผู้อำนวยการฟุตบอลอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาสั้นๆ แถมบอกว่าพวกเขาดำเนินแนวทางการเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้ได้แย่อีก เพราะถึงแม้จะได้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ โดมินิก โซโบซไล แต่มันเป็นการยอมจ่ายเท่าค่าฉีกสัญญา ไม่ได้มาจากการเจรจาแบบจริงจัง
"หงส์แดง" เริ่มต้นตลาดด้วยความฮือฮาจากการได้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ โดมินิก โซโบซไล มาร่วมทัพ จากการยอมจ่ายเงินเท่ากับค่าฉีกสัญญาของทั้งคู่ ขณะที่หลายวันมานี้พวกเขาให้ความสนใจในตัว มอยเซส ไกเซโด้ กับ โรเมโอ ลาเวีย อย่างหนัก แต่สุดท้าย ไกเซโด้ เลือกย้ายไปอยู่กับ เชลซี ส่วน ลาเวีย มันก็มีข่าวว่าอยากซบ "สิงห์บลูส์" มากกว่า ลิเวอร์พูล เช่นกัน
หลังโดนถามว่า ลิเวอร์พูล จะตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหนถ้าหาก ลาเวีย เลือกย้ายไปอยู่กับ เชลซี แล้วนั้น คาร์ราเกอร์ ก็บอกว่า "พวกเขาจะอยู่ในจุดที่ค่อนข้างยากลำบาก พวกเขาจำเป็นต้องซื้อกองกลางสักคน หลายคนรู้ดีว่าพวกเขาต้องการกองกลางคนใหม่สุดๆ"
"วันนี้พวกเขายื่นข้อเสนอไป 60 ล้านปอนด์เพื่อขอซื้อ ลาเวีย ทั้งที่เมื่อราว 4 หรือ 5 วันก่อนพวกเขากลับปฏิเสธที่จะจ่ายเงินในระดับ 50 ล้านปอนด์ มันเละเทะไปหมด มันงี่เง่าสุดๆ ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ ลิเวอร์พูล รู้ทั้งรู้ว่าพวกเขาจำเป็นต้องเสริมทัพในตำแหน่งมิดฟิลด์มาตั้งแต่ราวเดือนสิงหาคม ปีก่อน หรือก็คือตั้งแต่ 12 ปีก่อนแล้วแท้ๆ"
"หลายคนคิดว่าผมปกป้อง เอฟเอสจี (หมายถึง เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป กลุ่มทุนเจ้าของทีม ลิเวอร์พูล) แต่ผมไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับพวกเขาเลย นี่ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดจากเจ้าของทีม แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับโครงสร้างของสโมสรฟุตบอล ลองนึกถึงช่วง 2 ปีที่ ลิเวอร์พูล ไม่ได้เป็นเพียงแบบอย่างให้กับเฉพาะทีมใน พรีเมียร์ลีก แต่รวมถึงเป็นแบบอย่างให้กับทุกทีมในยุโรปดูสิ"
"ตอนที่ ลิเวอร์พูล ได้แชม์ลีก และไปถึงนัดชิงชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้น่ะ พวกเขาทำอะไร ? พวกเขาไม่ได้ใช้เงินให้เท่ากับทีมอื่นๆ และเน้นไปที่การสร้างนักเตะชุดนี้ จริงอยู่ว่าพวกเขามีผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยม แต่พวกเขาก็มีคนที่ชื่อ ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์ ทำงานเป็นผู้อำนวยการฟุตบอล, มีคณะกรรมการด้านการเสริมทัพ หรือใครก็ตามในตำแหน่งต่ำกว่าเขาช่วยทำงานด้วย ซึ่งผลลัพธ์มันออกมาดีมากๆ"
"จากนั้นเขา (เอ็ดเวิร์ดส์) ก็ย้ายออกไป โดยที่เบอร์ 2 ของเขา (จูเลี่ยน วอร์ด) เข้ามารับงานต่อ แต่เขาก็อยู่ในตำแหน่งเพียง 6 เดือนก่อนที่จะบอกลาทีมไป คุณต้องถามแล้วว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงเลือกย้ายออกจากสโมสร ผมไม่รู้หรอก ผมไม่รู้ว่าเบื้องหลังมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง"
"จากนั้นก็มีคนมาจาก เยอรมนี (ยอร์ก ชมัดต์เค่อ) เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ แต่เขาเข้ามาทำงานเฉพาะช่วงซัมเมอร์เท่านั้น แค่นั้นเอง แล้วเขาก็จะบอกลาทีมไป นั่นหมายความว่า ลิเวอร์พูล จะต้องหาผู้อำนวยการฟุตบอลใหม่อีก"
"ในช่วงเวลา 18 เดือน ลิเวอร์พูล มีผู้อำนวยการฟุตบอลถึง 4 คนเลยทีเดียว แถมที่จริงรอบนี้มันก็ไม่สามารถพูดได้หรอกว่าพวกเขาทำดีลอะไรได้แบบจริงจัง ทั้งที่งานของคนในตำแหน่งนั้นคือต้องปิดดีลให้ได้ สาเหตุที่ผมพูดแบบนั้นก็เพราะนักเตะ 2 คนที่ ลิเวอร์พูล ได้มาร่วมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้มันเป็นการจ่ายเท่ากับค่าฉีกสัญญาทั้งคู่ มันไม่ได้มีการเจรจาอะไรเลย มันไม่มีเรื่องอะไรให้น่าพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาแค่จ่ายเงินเท่าค่าฉีกสัญญาก็เท่านั้น"
"ลิเวอร์พูล ไม่ได้ถือว่าปิดดีลกับใครได้เลย และนั่นเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากๆ คุณเริ่มจาก ลาเวีย, ไม่ยอมจ่ายเงินในระดับที่ควรจะเป็น, หันไปล่า ไกเซโด้ และสามารถบรรลุข้อตกลงในระดับหนึ่งได้ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมจะไม่ตำหนิเจ้าของทีม เพราะพวกเขาพร้อมที่จะจ่ายเงิน 110 ล้านปอนด์เพื่อทำลายสถิติการเสริมทัพแล้ว แต่เขาน่ะเจรจากับ เชลซี มาแล้วตั้ง 3 เดือน สุดท้ายตอนนี้พวกเขาก็กลับมาล่าตัว ลาเวีย อีก มันเละตุ้มเป๊ะไปหมด"