� � � � � �ร็อบ โจนส์ แบ็คขวาที่มีฟอร์มการเล่นที่ดีคงเส้นคงวามากที่สุดคนนึงของลิเวอร์พูล ถึงขนาด สตีฟ แม็คมานามาน อดีตเพื่อนร่วมทีมยกย่องให้เขาเป็นกองหลังที่ดีที่สุดที่เคยร่วมเล่นมา และยังใส่ชื่ออยู่ในทีมยอดเยี่ยมเคียงข้างกับซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน, หลุยส์ ฟิโก้ และ โรแบร์โต้ คาร์ลอส มาแล้ว แต่น่าเสียดายที่อาการบาดเจ็บได้ทำให้เส้นทางลูกหนังของเขาต้องยุติลงในวัยไม่ถึง 28 ปีเต็ม
� � � � � �สำหรับโจนส์ นั้นเชียร์ลิเวอร์พูลมาตั้งแต่เด็ก เพราะว่าปู่ของเขา บิลลี่ โจนส์ เคยเป็นนักเตะของลิเวอร์พูลในช่วงปี 1938-54 โดยลงเล่นไปถึง 277 นัด
� � � � � �โจนส์นั้นเกิดที่เร็กซ์แฮม, เวลส์ แต่เขาเลือกเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ โดยเจ้าตัวเริ่มต้นเส้นทางลูกหนังในทีมชุดใหญ่ในวัยแค่ 17 ปีเท่านั้นกับ ครูว์ อเล็กซานดร้า สโมสรที่ขึ้นชื่อเรื่องการปลุกปั้นดาวรุ่งป้อนทีมใหญ่ โดยตอนนั้นครูว์เล่นอยู่ในดิวิชั่น 4� โจนส์เล่นได้ทั้งแบ็คซ้ายและขวา โดยลงเล่นอยู่ 3 ฤดูกาล ก่อนที่ผลงานจะไปเตะตา แกรม ซูเนสส์ ในเกมที่ครูว์ เจอกับ ลิเวอร์พูลในเกมลีกคัพ และด้วยความที่ซูเนสส์กำลังต้องการถ่ายเลือดใหม่ให้กับทีมหงส์แดง จึงแจ้งบอร์ดบริหารให้ยอมจ่ายเงิน 300,000 ปอนด์ให้ครูว์ แลกกับการดึงดาวรุ่งรายนี้มาร่วมทีม
� � � � � �โจนส์ย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูลเมื่อ 4 ตุลาคม 1991 ซึ่งเป็นหนึ่งเดือนก่อนวันเกิดครบรอบ 20 ปีของเจ้าตัวด้วย
� � � � � �เพียงแค่ 48 ชั่วโมงหลังเซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูล ซูเนสส์ ก็ส่ง โจนส์ ประเดิมสนามทันทีในเกมที่เยือนแมนฯ ยูไนเต็ด ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยให้ลงเล่นเป็นแบ็คซ้ายในตอนแรก แต่ผลงานไม่ดีเท่าไหร่ นายใหญ่หงส์แดงเลยจับ โจนส์ มายืนฝั่งขวาเพื่อรับมือกับ ไรอัน กิ๊กส์ ปีกตัวเก่งของปีศาจแดง และกลายเป็นโจนส์ทำผลงานได้โดดเด่นมาก ทำให้กิ๊กส์โชว์ฟอร์มไม่ออกเลย ได้รับเลือกเป็นแมน ออฟ เดอะ แมทช์ในเกมนั้นด้วย และตำแหน่งแบ็คขวาก็เลยกลายเป็นตำแหน่งประจำถาวรของเขาที่ลิเวอร์พูลมานับแต่บัดนั้น
� � � � � �โจนส์ถูกใช้งานอย่างสม่ำเสมอ และด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมนั้นเอง เขาก็มีชื่อติดอยู่ในทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในยุคของ เกรแฮม เทย์เลอร์ น่าเหลือเชื่อมากกับดาวรุ่งที่เมื่อ 4 เดือนก่อนยังเตะบอลอยู่ในดิวิชั่น 4 ของประเทศ แต่วันนี้เขามีโอกาสได้ประเดิมสนามให้ทีมชาติชุดใหญ่แล้ว
� � � � � �โจนส์ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษนัดแรกเจอกับฝรั่งเศส ในเกมที่ชนะ 2-0 เมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 1992��
� � � � � �ย้อนกลับไปที่สโมสรในฤดูกาลแรกกับลิเวอร์พูล โจนส์มีส่วนสำคัญในการนำลิเวอร์พูลคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ด้วยการเอาชนะซันเดอร์แลนด์ 2-0 และในฤดูกาลนั้นเขาก็ได้รับเลือกติดอยู่ในทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอด้วย แต่น่าเสียดายที่อาการบาดเจ็บทำให้เขาอดติดทีมชาติอังกฤษไปเล่นฟุตบอลยูโร 1992 รอบสุดท้ายที่สวีเดนเป็นเจ้าภาพ ทั้งที่เป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งแบ็คขวาของทีมชาติมาตลอดในเวลานั้น
� � � � � �โจนส์ยังคงยึดตำแหน่งแบ็คขวาเจ้าประจำของลิเวอร์พูลอย่างเหนียวแน่นตลอดมาอีก 4 ฤดูกาล และมีชื่อติดอยู่ในทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ อีกครั้งในฤดูกาล 1994-95 โดยปีนั้นเขาพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีกคัพในเกมที่ชนะโบลตัน 2-1 ด้วย
� � � � � �ในฤดูกาล 1995-96 รอย อีแวนส์ ซื้อ เจสัน แม็คเคเธียร์ เข้ามาจากโบลตัน แต่เดิม แม็คเคเธียร์ เล่นเป็นกองกลาง แต่ อีแวนส์ ปรับระบบการเล่นของลิเวอร์พูลเป็นระบบ 5-3-2 และเอาดาวเตะชาวไอริชรายนี้มาเล่นเป็นวิงแบ็คขวา ส่วนโจนส์นั้นถูกขยับไปเล่นเป็น วิงแบ็คซ้ายแทน
� � � � � �ในฤดูกาลนั้น โจนส์ก็อยู่ในทีมลิเวอร์พูลชุดที่พลาดท่าแพ้ต่อแมนฯ ยูไนเต็ด 0-1 ในเกมนัดชิงเอฟเอ คัพ ซึ่งทีมหงส์แดงถูกสื่อตั้งฉายาว่าเป็นทีมสไปซ์บอย�
� � � � � �หลังเกมเอฟเอ คัพนัดชิงชนะเลิศจบลง โจนส์ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญให้พักรักษาอาการบาดเจ็บที่หลังอย่างจริงจัง และนั่นทำให้เขาต้องพลาดการลงสนามไปนานกว่า 6 เดือนทีเดียว และเมื่อโจนส์กลับมาลงสนามได้ เขาก็โชคร้ายมาเจอกับอาการบาดเจ็บออดๆ แอดๆ เล่นงานอีกตลอด 2 ฤดูกาลต่อมา
� � � � � �และในเดือนเมษายนปี 1998 เกมสุดท้ายที่โจนส์มีโอกาสลงเล่นให้ลิเวอร์พูลคือเกมที่เจอกับเชลซี เพราะในฤดูกาลต่อมา 1998-99 โจนส์ไม่ได้ลงเล่นเลย เพราะมีอาการบาดเจ็บที่เข่าซ้าย ซึ่งเขาเข้ารับการผ่าตัดไปถึง 3 ครั้งแต่ไม่หายขาด และไม่สามารถเรียกความฟิตกลับมาลงสนามได้เหมือนเก่า
� � � � � �จบฤดูกาล เชราร์ อุลลิเย่ร์ ตัดสินใจปล่อย โจนส์ ออกจากทีมแบบไม่มีค่าตัว และเป็น เวสต์แฮม ที่ตัดสินใจลองเสี่ยงเซ็นสัญญากับเขาไปร่วมทีมในเดือนกรกฏาคม 1999 โดยมีชื่อลงเล่นในศึกอินเตอร์ โตโต้คัพให้ทีมขุนค้อนด้วย แต่ก็ลงสนามไม่เต็มเกมก็ถูกเปลี่ยนตัวออก เพราะอาการบาดเจ็บที่เข่าเดิมกำเริบอีกครั้ง�
� � � � � �นั่นคือเกมสุดท้ายที่เขาเล่นฟุตบอลอาชีพด้วย เพราะในเดือนสิงหาคม 1999 โจนส์ยอมแพ้ให้กับอาการบาดเจ็บ เขาประกาศแขวนสตั้ดในวัยยังไม่ถึง 28 ปีเต็มเลย จบผลงานลงเล่นให้ลิเวอร์พูลไปทั้งหมด 243 นัดในทุกรายการ
� � � � � �ชีวิตหลังแขวนสตั้ด โจนส์ไปใช้เวลาเรียนคอร์สเกี่ยวกับโค้ช และระหว่างนั้นก็เปิดอะคาเดมี่ร่วมกับภรรยาในการปลุกปั้นบรรดานักเตะรุ่นเด็ก จากนั้นในปี 2013 โจนส์ก็ได้มาร่วมงานกับสโมสรเก่าอย่าง ลิเวอร์พูล อีกครั้งในบทบาทโค้ชอะคาเดมี่ ซึ่งเป็นงานที่เขาทำต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงปัจจุบันนี้
� � � � � เกียรติประวัติกับลิเวอร์พูล
� � � � � แชมป์เอฟเอ คัพ : 199192
� � � � � แชมป์ลีก คัพ : 199495
� � � � � เกียรติประวัติส่วนตัวกับรางวัลที่เคยได้รับ
� � � � � ทีมยอดเยี่ยมชองพีเอฟเอ : 199192 ดิวิชั่น 1 (ก่อนเปลี่ยนมาเป็นพรีเมียร์ลีก) 199495 พรีเมียร์ลีก
� � � � � สถิติการลงสนามกับลิเวอร์พูล : 243 นัด ทำ 0 ประตู 17 แอสซิสต์
� � � � � สโมสรอื่นที่เคยสังกัด : ครูว์ อเล็กซานดร้า, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
� � � � � สถิติการเล่นให้ทีมชาติ : อังกฤษ 8 นัด 0 ประตู