� � � � � มาร์ค ลอว์เรนสัน กองหลังระดับตำนานที่ประสบความสำเร็จมากมายกับสโมสร โดยมีสถิติการคว้าแชมป์ร่วมกับสโมสรเป็นการการันตีคุณภาพอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ลีกสูงสุด 5 สมัย, ยูโรเปี้ยน คัพ 1 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีก คัพ 3 สมัย และ แชริตี้ ชีลด์ อีก 2 สมัย
� � � � � 'ลอว์โร่' เริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับเปรสตัน สโมสรละแวกบ้านเกิดในดิวิชั่น 3 ก่อนที่ในปี 1977 ไบรท์ตันสโมสรระดับกลางตารางดิวิชั่น 2 จะยอมทุ่มเงินถึง 100,000 ปอนด์ดึงเขาซึ่งตอนนั้นติดทีมชาติไอร์แลนด์ชุดใหญ่ไปแล้วในวัย 19 มาร่วมทีม
� � � � � ลอว์โร่แม้อายุยังน้อย แต่มีความยอดเยี่ยมมากในการเล่น เป็นกองหลังที่เล่นในสไตล์คลาสสิก มีการอ่านเกมที่เฉียบขาด ไม่ได้มีเพียงแค่ลูกหนักที่เป็นทักษะหลักของบรรดากองหลังในยุคนั้น และแค่เพียง 2 ฤดูกาลต่อมา ลอว์โร่ก็พาไบรท์ตันเลื่อนชั้นมาเล่นในลีกสูงสุดอย่างดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จ ก่อนจะรักษาฟอร์มเก่งต่อเนื่องจนกลายเป็นดาวเด่นคนนึงของลีก จนกระทั่งในปี 1981 ลิเวอร์พูล ตัดสินใจยื่นข้อเสนอที่เป็นสถิติสโมสรในเวลานั้น คือ 900,000 ปอนด์ให้ไบรท์ตันพิจารณา แม้พวกเขาจะไม่อยากเสียนักเตะตัวเก่งไปจากทีม แต่ด้วยปัญหาทางการเงินทำให้สุดท้ายไบรท์ตันก็ตอบรับการขายลอว์เรนสัน
� � � � �ทั้งนี้มีการเปิดเผยจากอดีตผู้จัดการทีมไบรท์ตัน อลัน มุลเลอรี่ ด้วยว่าจริงๆ ตอนที่เขารู้ว่าไบรท์ตันจำเป็นต้องขายนักเตะตัวเก่งออกจากทีม เขาได้โทรหา รอน แอตกินสัน นายใหญ่แมนฯ ยูไนเต็ดในเวลานั้นเพื่อเสนอขายด้วย แต่หนึ่งในปรมาจารย์กุนซือของลิเวอร์พูลอย่าง บ็อบ เพสลีย์ ได้โทรหาเขาและเกลี้ยกล่อมให้ขาย ลอว์เรนสัน ให้หงส์แดง พร้อมบอกความจริงว่า จริงๆ แล้วตอนที่แข้งรายนี้จะย้ายออกจากเปรสตันเมื่อปี 1977 นั้น ลิเวอร์พูลก็ได้ติดต่อขอซื้อไปเหมือนกัน แต่ไม่ทันการณ์เพราะเปรสตันตกลงขายลอว์โร่ให้ไบรท์ตันไปแล้ว
� � � � �ที่ลิเวอร์พูล เพสลีย์ มีแผนจะให้ ลอว์โร่ จับคู่กับ อลัน แฮนเซ่น ในช่วงที่ ฟิล ธอมป์สัน เจออาการบาดเจ็บเล่นงาน แต่ลอว์โร่ได้ประเดิมสนามให้ลิเวอร์พูลนัดแรก เป็นการลงเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายในเกมที่เจอกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ที่โมลินิวซ์ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 1981� ก่อนที่อีกหนึ่งเดือนต่อมา ประตูแรกของ ลอว์โร่ กับลิเวอร์พูลก็เกิดขึ้น ในเกมที่หงส์แดงถล่ม อูลุน พัลโลเซอร่า ทีมจากฟินแลนด์ไป 7-0 ในเกมยูโรเปี้ยน คัพ รอบแรก นัดที่สองที่เตะกันที่แอนฟิลด์ ซึ่งเกมนี้ เอียน รัช ตำนานดาวยิงของลิเวอร์พูล ยังทำประตูแรกในนามของนักเตะหงส์แดงด้วย
� � � � �ฤดูกาลแรกของลอว์เรนสันในถิ่นแอนฟิลด์นั้น ลิเวอร์พูลผงาดคว้าดับเบิลแชมป์ ทั้งแชมป์ลีก และ ถ้วยลีกคัพ มาครอง�
� � � � �ลอว์โร่กลายเป็นนักเตะคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์สโมสรที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ 3 ฤดูกาลติดต่อกันด้วย และเขายังเป็นหนึ่งในขุนพลที่เอาชนะโรม่าจากจุดโทษในเกมนัดชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพ ในปี 1984 ซึ่งถือเป็นแชมป์ยุโรปถ้วยใหญ่ที่สุดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ ราฟา เบนิเตซ จะนำลิเวอร์พูลคว้าแชมป์รายการนี้ได้อีกครั้งที่อิสตันบูลในปี 2005
� � � � �ลอว์โร่ไหล่หลุด 3 สัปดาห์ก่อนเกมนัดชิงยูโรเปี้ยน คัพ ในปี 1985 กับยูเวนตุส ซึ่งเป็นปีที่มีโศกนาฏกรรมที่เฮย์เซลส์ โดยเกมนั้น ลอว์โร่หายกลับมาลงเล่นได้ แต่ก็เล่นได้ไม่จบเกมเพราะเจ็บซ้ำจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออก สุดท้ายเกมนี้ลิเวอร์พูลพ่ายแพ้ไป 0-1
� � � � �ลอว์เรนสันได้รับชื่อเสียงในฐานะผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จ และในฤดูกาล 19851986 เขาเป็นส่วนสำคัญของทีมลิเวอร์พูลที่คว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 3 และเอฟเอ คัพ� โดยในลีกลิเวอร์พูลก็แซงนำเอฟเวอร์ตันสองแต้ม และตามด้วยยัดเยียดความปราชัยให้เอฟเวอร์ตันอีก 31 ในเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ 1986 ที่เวมบลีย์�
� � � � � แต่ในปี 1986 ตำแหน่งตัวจริงของ ลอว์เรนสัน เริ่มถูก แกรี่ จิลเลสพี กองหลังชาวสกอตแลนด์ที่อายุน้อยกว่าท้าทาย การจับคู่ระหว่าง ลอว์เรนสัน และ แฮนเซ่น ยังคงดำเนินต่อไปอีกหนึ่งฤดูกาลก่อนที่เขาจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและได้รับบาดเจ็บหนักที่เอ็นร้อยหวายในปี 1988 ซึ่งทำให้เขาต้องพลาดการไปเล่นให้ทีมชาติไอร์แลนด์ในยูโร 1988 ด้วย
� � � � � ลอว์โร่ได้รับเหรียญแชมป์ลีกสูงสุดเหรียญที่ 5 ซึ่งเป็นเหรียญสุดท้ายของเขากับลิเวอร์พูลเมื่อฤดูกาลนั้นสิ้นสุดลง จากนั้นเขาก็ตัดสินใจย้ายทีมเพราะสภาพร่างกายตัวเองไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
� � � � � ลอว์โร่ไปเล่นฟุตบอลกับบาร์เน็ทที่อยู่นอกลีกสั้นๆ สองนัดจากนั้นก็ไปเล่นฟุตบอลในสหรัฐอเมริกากับ แทมป้า เบย์ ราวดี้ส์ ที่อยู่ในอเมริกัน ซอกเกอร์ ลีก�
� � � � �งานด้านคุมทีม ลอว์เรนสัน ไปรับงานคุมทีมอ็อกซ์ฟอร์ดในปี 1988 แต่ก็คุมทีมได้แค่ 7 เดือนก็ลาออก เพราะไม่พอใจที่บอร์ดบริหารตัดสินใจขาย ดีน ซอนเดอร์ส กองหน้าตัวเก่งออกจากทีมโดยเขาไม่ได้อนุญาต ซอนเดอร์สนี้ในอนาคตก็ได้ย้ายมาเล่นให้ลิเวอร์พูลด้วย
� � � � �ลอว์โร่ยังเคยคุมปีเตอร์โบโร่ด้วย และก็คัมแบ็คกลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งกับทีมนอกลีกกับ คอร์บี้ ทาวน์ และ เชสแน่ม ยูไนเต็ด แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจแขวนสตั้ดอย่างถาวรหลังจบฤดูกาล 1992/93
� � � � � ชีวิตหลังเลิกเล่นฟุตบอลอย่างเป็นทางการ ลอว์โร่ เข้าสู่วงการสื่ออย่างเต็มตัว รับบทนักวิเคราะห์เกมในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 1990, เขียนคอลัมน์ลงหนังสือพิมพ์หลากหลาย และเข้าสู่วงการทีวีอย่างเต็มตัว ก่อนมาสร้างชื่อกับบีบีซี ในฐานะกูรูที่ฟันธงฟุตบอลจนกลายเป็นที่จดจำของแฟนฟุตบอลรุ่นหลังจนถึงปัจจุบัน
� � � � � เกียรติประวัติกับลิเวอร์พูล
� � � � � ดิวิชั่น 1 : 198182, 198283, 198384, 198586, 198788
� � � � � เอฟเอ คัพ : 198586
� � � � � ลีก คัพ : 198182, 198283, 198384
� � � � � แชริตี้ ชีลด์ : 1982, 1986
� � � � � ยูโรเปี้ยน คัพ : 1984
� � � � � สถิติการลงสนามกับลิเวอร์พูล : 356 นัด ทำ 18 ประตู 12 แอสซิสต์
� � � � � สโมสรอื่นที่เคยสังกัด : เปรสตัน นอร์ธ เอนด์, ไบรท์ตัน, บาร์เน็ท, แทมป้า เบย์ ราวดีส์, คอร์บี้ ทาวน์, เชสแน่ม ยูไนเต็ด
� � � � � สถิติการเล่นให้ทีมชาติ : ไอร์แลนด์ 39 นัด ทำ 5 ประตู