� � � � � � "เมื่อ สตีฟ แม็คมาน เล่นได้ดี ผมคิดอยู่เสมอว่าลิเวอร์พูลจะเล่นได้ดี" นี่คือประโยคที่ บ็อบ เพสลีย์ ตำนานผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลเคยกล่าวถึง แม็คมาน เอาไว้ ซึ่งก็เป็นการบรรยายสรรพคุณของยอดกองกลางฮาร์ดแมนที่เคยเป็นนักเตะเอฟเวอร์ตัน ก่อนจะย้ายข้ามฟากมาอยู่กับ 'หงส์แดง' ในเวลาต่อมาได้ครบถ้วน
� � � � � ชีวิตนักฟุตบอลของ แม็คมาน นั้นเริ่มต้นที่อีกฟากของสแตนลีย์ ปาร์ค ในฐานะเด็กเด็กบอล ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะให้ทอฟฟี่สีน้ำเงินอย่างเต็มตัวถึง 3 ฤดูกาล แถมยังเคยได้รับการลงคะแนนโหวตจากแฟนๆ ยกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรในฤดูกาลแรกที่ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ด้วย
� � � � � เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม แม็คมานตัดสินใจย้ายออกจากเอฟเวอร์ตันไปอยู่กับ แอสตัน วิลล่า ในปี 1983 ด้วยค่าตัว 175,000 ปอนด์ ซึ่งเจ้าตัวเองยอมรับภายหลังว่าเขาไม่กล้าย้ายจากเอฟเวอร์ตันมาอยู่กับลิเวอร์พูลโดยตรงในเวลานั้น แม้จะมีข้อเสนอจากลิเวอร์พูลยื่นมาให้พิจารณา
� � � � � �อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤษภาคมปี 1985 เคนนี่ ดัลกลิช ที่เลื่อนตำแหน่งมาเป็นผู้ช่วย-ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ก็ไปคว้าตัว แม็คมาน มาจากแอสตัน วิลล่า สู่ถิ่นแอนฟิลด์ ด้วยค่าตัว 300,000 ปอนด์ เพื่อมาทดแทน แกรม ซูเนสส์ ยอดกองกลางห้องเครื่องที่ย้ายไปอยู่กับซามพ์โดเรียในอิตาลี ซึ่งถือเป็นนักเตะคนแรกที่ คิง เคนนี่ เซ็นสัญญาในฐานะนายใหญ่หงส์แดงด้วย
� � � � � �แค่สองวันหลังเซ็นสัญญา แม็คมานก็ได้ประเดิมสนามให้ลิเวอร์พูลเป็นเกมแรกในเกมลีกที่เสมอกับ อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด 2-2� ส่วนประตูแรกก็ไม่ต้องรอนาน เพราะอีก 1 สัปดาห์ต่อมา แม็คมานจัดแจงยิงทีมเก่า เอฟเวอร์ตัน แถมเป็นประตูชัยให้ทีมเอาชนะในเมอร์ซีไซด์ ดาร์บี้ แมทช์ 3-2 ด้วย งานนี้ดาวเตะรายนี้เลยได้ใจเหล่าเดอะ ค็อป ไปเต็มๆ
� � � � � แม็คมานก้าวมามีบทบาทสำคัญในแดนกลางของลิเวอร์พูลอย่างจริงจังอย่างที่ ดัลกลิช ตั้งใจไว้ ในฤดูกาลแรกที่แอนฟิลด์ก็สามารถคว้าดับเบิลแชมป์ทั้งบอลลีก และ เอฟเอ คัพ มาครองได้สำเร็จ แต่โชคร้ายนิดหน่อยตรงเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศนั้น แม็คมานมีชื่อแค่เป็นตัวสำรองที่ไม่ถูกส่งลงสนาม
� � � � � อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลต่อมา แม็คมานยิ่งมีบทบาทสำคัญกับลิเวอร์พูลมากขึ้นเรื่อยๆ แต่น่าเสียดายที่ทีมหงส์แดงไม่สามารถคว้าโทรฟี่รายการใดมาครองได้เลย ซึ่งถือเป็นครั้งที่สองในรอบทศวรรษที่ทีมหงส์แดงจบฤดูกาลแบบไร้ความสำเร็จ
� � � � ฤดูกาลถัดมา 1987-88� ดัลกลิช เซ็นสัญญานักเตะใหม่อย่าง จอห์น บาร์นส์, จอห์น อัลดริดจ์, ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ และ เรย์ เฮาจ์ตัน มาเสริมทัพ ทั้งหมดได้ผนึกกำลังร่วมกับ แม็คมาน ในการพาลิเวอร์พูลกลับมาเถลิงแชมป์ลีกได้อีกครั้ง ซึ่งแม็คมานยังได้รับเลือกให้ติดอยู่ในทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของพีเอฟเอด้วย
� � � � แม็คมานในฐานะฮาร์ดแมนคนนึงแห่งวงการลูกหนัง ถูกเหล่าผู้จัดการทีมหลายคนออกมาวิจารณ์เรื่องการเข้าบอลแบบถึงลูกถึงคนของเขา แต่นั่นไม่ได้ทำให้ แม็คมาน ลดความดุดันในการเล่นลงเลย ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของการเป็นยอดฮาร์ดแมนของดาวเตะรายนี้ขจรไกลไปมากขึ้นอีกด้วย
� � � � � แม้กระทั่ง วินนี่ โจนส์ ซึ่งถือเป็นขาโหดแห่งฟุตบอลอังกฤษในเวลานั้นยังให้ความเคารพแม็คมานมาก แม้ทั้งคู่จะเคยฟาดปากในสนามกันมาแล้วก็ตาม
� � � � � แม็คมานมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1988 นี่เองในเกมกระชับมิตรกับ อิสราเอลและอยู่ในทีมชาติอังกฤษชุดที่ไปเตะยูโร 88 ที่เยอรมันตะวันตกเป็นเจ้าภาพด้วย แต่ตกรอบแบ่งกลุ่ม โดยแชมป์ในปีนั้นคือ เนเธอร์แลนด์ที่มี 3 ทหารเสือดัตช์เป็นแกนนำนั่นเอง
� � � � �ในปี 1989 ลิเวอร์พูลกลับมาคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้อีกครั้ง ซึ่งก็ยังมีแม็คมานเป็นกำลังสำคัญเหมือนเช่นเคย และในฤดูกาลถัดมา 1989-90 ทีมหงส์แดงก็ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกสมัยที่ 18 ของตัวเองมาครองได้สำเร็จ โดยปีนั้น แม็คมานได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ อันดับ 2 โดยมีคะแนนรองจาก บาร์นส์ เพื่อนร่วมทีมเท่านั้น
� � � � แม็คมานถูก บ็อบบี้ ร็อบสัน เรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษไปลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ อิตาลีในปี 1990 ด้วย
� � � � �ครั้นเมื่อมาถึงในช่วงที่ ดัลกลิช ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลครั้งแรก ทีมหงส์แดงได้ แกรม ซูเนสส์ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ในปี 1991 เขาเริ่มต้นนโยบายโละนักเตะรุ่นใหญ่ที่อายุขึ้นเลข 3 ออกจากทีม แม็คมาน ที่แม้จะเป็นกำลังหลีกของทีมมาเป็นเวลานาน แต่ด้วยวัยที่ขึ้นเลข 3 แล้วก็กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ถูกซูเนสส์กำจัดออกจากทีมด้วยเช่นกัน
� � � � �หลังได้ลงเล่น 15 เกมให้ซูเนสส์ แม็คมานถูกขายให้กับ แมนฯ ซิตี้ ในช่วงคริสต์มาส อีฟปี 1991 ด้วยค่าตัว 900,000 ปอนด์ โดยซูเนสส์ไปเซ็นสัญญากับ ไมเคิ่ล โธมัส และ พอล สจ้วร์ต มาแทน แต่ไม่มีใครสามารถทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบเท่าที่แม็คมานเคยฝากผลงาน 277 นัดกับทีมไว้เลย
� � � � �กับแมนฯ ซิตี้ แม็คมานมีโอกาสค้าแข้งที่นั่นต่ออีก 3 ฤดูกาล ก่อนจะไปรับตำแหน่งผู้เล่น-ผู้จัดการทีมสวินดอน ทาวน์ เมื่อ 1 ธันวาคม 1994 ช่วยให้สวินดอนรอดพ้นการตกชั้นในเวลานั้น ก่อนจะพัฒนาทีมขึ้นเรื่อยๆ จนนำทีมคว้าแชมป์ดิวิชั่น 2 ในปี 1995-96 ด้วย
� � � � �แม็คมานยังมีประสบการณ์การคุมทีมแบล็คพูลที่เขาพาทีมเลื่อนชั้นจากดิวิชั่น 3 กลับมาสู่ ดิวิชั่น 2 ได้สำเร็จจากการชนะในรอบเพลย์ออฟ รวมถึงการย้ายไปคุมทีมในเอ ลีก ออสเตรเลียอย่าง เพิร์ธ กลอรี่ในเดือนมกราคม 2005 แต่อีก 11 เดือนต่อมาก็ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม และก็ไม่ได้หวนกลับไปทำงานด้านคุมทีมอีกเลยจนถึงปัจจุบัน
� � � � �และก็เหมือนอดีตนักเตะหลายคน แม็คมานมีโอกาสได้ทำงานในแวดวงสื่อเช่นกัน โดยเขาไปเป็นกูรูฟุตบอลเอเชียให้กับ อีเอสพีเอ็น เคยร่วมงานกับผู้บรรยายชื่อดัง จอห์น ไดค์ส , มีบล็อกวิเคราะห์ฟุตบอลของตัวเอง รวมถึงทำบริษัทเกี่ยวกับการจัดหานักฟุตบอลมาเล่นยังเอเชียที่มีฐานที่ตั้งอยู่ในสิงค์โปร์ด้วย
� � �เกียรติประวัติกับลิเวอร์พูล
� � � � แชมป์ดิวิชั่น 1 : 198586, 198788, 198990
� � � � แชมป์เอฟเอ คัพ : 198586, 198889
� � � � แชมป์แชริตี้ ชีลด์ : 1986, 1988, 1989, 1990
� � � เกียรติประวัติส่วนตัวกับรางวัลที่เคยได้รับ
� � � � ทีมยอดเยี่ยมชองพีเอฟเอ : 198788 ดิวิชั่น 1,198990 ดิวิชั่น 1
� � � � สถิติการลงสนามกับลิเวอร์พูล : 277 นัด ทำ 50 ประตู 27 แอสซิสต์
� � � � สโมสรอื่นที่เคยสังกัด : เอฟเวอร์ตัน, แอสตัน วิลล่า, แมนฯ ซิตี้, สวินดอน ทาวน์
� � � � สถิติการเล่นให้ทีมชาติ : อังกฤษ 17 นัด ทำ 0 ประตู