� � � � เกล็น ไฮเซ่น ปราการหลังภูผาน้ำแข็งชาวสวีเดนที่ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พยายามดึงตัวไปร่วมทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ถึงสองครั้ง แต่สุดท้ายก็เลือกเซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ เคนนี่ ดัลกลิช พร้อมกับนำทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 18 ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ย้ายมา
� � � ก่อนมาอยู่กับลิเวอร์พูลนั้น ไฮเซ่น สร้างชื่อขึ้นมาจากการนำ ไอเอฟเค โกเตเบิร์ก สโมสรในสวีเดนบ้านเกิดคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ (เทียบเท่า ยูโรป้า ลีก ในปัจจุบัน) ในปี 1981 พร้อมกับคว้าตำแหน่งนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งสวีเดนในอีก 2 ปีต่อมา ซึ่งก็นำไปสู่การย้ายไปเล่นกับ พีเอสวี ไฮน์โอเฟ่น ในลีกดัตช์
� � � แต่ที่พีเอสวี ไฮเซ่น ถูกจับไปเล่นในตำแหน่งที่ไม่คุ้นเคยอย่างกองกลาง หรือแม้กระทั่งเคยถูกส่งลงเป็นกองหน้าด้วย นั่นทำให้เขาไม่ค่อยมีความสุขนัก เมื่อผ่านไป 2 ฤดูกาล เจ้าตัวสบโอกาสจึงย้ายกลับมาที่ ไอเอฟเค โกเตเบิร์ก สโมสรเดิมอีกครั้ง
� � � ในการกลับมาครั้งที่สอง ไฮเซ่น เป็นกำลังสำคัญในการนำไอเอฟเค โกเตเบิร์ก ทะลุไปถึงรอบรองชนะเลิศในศึกยูโรเปี้ยน คัพ (เทียบเท่าแชมเปี้ยนส์ ลีก ในปัจจุบัน) แต่ต้องตกรอบด้วยน้ำมือของบาร์เซโลน่า อย่างไรก็ตาม ไฮเซ่น ยังนำสโมสรคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของสวีเดนได้ในอีก 2 ปีถัดมา พร้อมกับนำทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ ได้เป็นสมัยที่สองของตัวเองด้วย
� � � ด้วยผลงานที่โดดเด่นนี้เองทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตามจีบเขาอย่างหนัก แต่ไฮเซ่นเลือกย้ายไปเล่นกับ ฟิออเรนติน่า ในอิตาลี เพราะต้องการเล่นให้กับ สเวน โกรัน อีริคส์สัน กุนซือที่มาจากชาติเดียวกันที่คุมม่วงมหากาฬอยู่ในเวลานั้น
� � � ไฮเซ่นเล่นอยู่ในอิตาลี 2 ฤดูกาล ก็ได้รับความสนใจอย่างมากจากทีมในเกาะอังกฤษ โดยเฉพาะ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ยังคงอยากได้ตัวเขามาร่วมทีมให้ได้ ถึงขนาดที่ว่า มาร์ติน เอ็ดเวิร์ดส์ ประธานสโมสร และ เฟอร์กูสัน บินไปถึงอิตาลีเพื่อไปตกลงเจรจาคว้าตัวเขามาร่วมทีมเลยทีเดียว แต่ปรากฏว่าพอไปถึงทางเอเย่นต์ของนักเตะบอกว่า ไฮเซ่น ตอบตกลงที่จะย้ายไปร่วมทีมลิเวอร์พูลเรียบร้อยแล้ว
� � � ในปี 1989 ไฮเซ่นในวัย 30 ถูก เคนนี่ ดัลกลิช ดึงตัวมาร่วมทีมในฐานะกองหลังตัวหลัก โดยเดิมทีนั้น ดัลกลิช หวังให้ ไฮเซ่น ยืนคู่กับ อลัน แฮนเซ่น กัปตันทีมตัวเก๋า แต่ไปๆ มาๆ แฮนเซ่นมีอาการบาดเจ็บรบกวนหนัก ทำให้ ไฮเซ่น ส่วนใหญ่ได้ลงเล่นคู่กับ แกรี่ แอ็บเล็ตต์ ที่ก้าวขึ้นมาในฐานะกองหลังดาวรุ่งแทน
� � � ไฮเซ่น ประเดิมสนามในเกมแชริตี้ ชีลด์ (ชื่อเดิมของคอมมูนิตี้ ชีลด์) ให้ลิเวอร์พูลเลยในเกมที่ชนะอาร์เซน่อล และยังได้รับเลือกให้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมทช์ด้วย จากนั้นเขาก็มาประเดิมประตูแรกของตัวเองอย่างรวดเร็วในเกมที่ ลิเวอร์พูลถล่มคริสตัล พาเลซ น้องใหม่ในเวลานั้นไป 9-0 โดยเจ้าตัวเป็นคนทำประตูที่แปดในเกมนี้
� � � กองหลังดีกรีกัปตันทีมชาติสวีเดนรายนี้สามารถปรับตัวเข้ากับฟุตบอลอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว และกลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดของลีกในเวลานั้น โดย ไฮเซ่น จบฤดูกาลแรกกับลิเวอร์พูลด้วยการนำทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 18 โดยทำคะแนนทิ้งห่าง แอสตัน วิลล่า อันดับ 2 ถึง 9 คะแนน�
� � � ในฤดูกาลต่อๆ มา ไฮเซ่น ยังคงเป็นตัวหลักและได้รับความไว้วางใจให้รับหน้าที่เป็นกัปตันทีมของลิเวอร์พูลด้วย แต่น่าเสียดายที่ลิเวอร์พูลจบฤดูกาลดังกล่าวด้วยการเป็นแค่รองแชมป์ต่อจากอาร์เซน่อล ตามมาด้วยการประกาศลาออกจากตำแหน่งแบบชนิดสุดช็อคของ ดัลกลิช ด้วยเหตุผลที่เครียดจากฟุตบอล
� � � แกรม ซูเนสส์ เข้ามาทำหน้าที่แทนดัลกลิช โดยเขาต้องการผ่าตัดทีมหงส์แดงให้มีอายุเฉลี่ยที่น้อยลง บรรดานักเตะตัวเก๋าหลายคนเริ่มถูกกำจัดทิ้ง และ ไฮเซ่น ก็เป็นหนึ่งในนั้น ประกอบกับเขาเองก็มีอาการบาดเจ็บที่รบกวนต่อเนื่องมาด้วย ทำให้ในฤดูกาล 1991-92 นั้น ไฮเซ่นได้เล่นให้ลิเวอร์พูลไปแค่ 5 นัดเท่านั้น โดยเกมสุดท้ายของเขากับลิเวอร์พูล เป็นเกมที่พ่ายต่อ นอริชไป 3-0 เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 1992�
� � � �สุดท้ายเมื่อจบฤดูกาลนั้น ไฮเซ่นก็ตัดสินใจอำลาลิเวอร์พูล โดยย้ายกลับไปค้าแข้งในลีกบ้านเกิดสวีเดนกับ โกเตเบิร์ก แอธเลติก แอนด์ สปอร์ต (GAIS) แบบไม่มีค่าตัว� โดยค้าแข้งอยู่อีก 2 ฤดูกาลก่อนประกาศแขวนสตั้ดในวัย 35 ปี
� � � สำหรับบทบาทในทีมชาตินั้น ไฮเซ่น ติดทีมชาติสวีเดนไป 68 นัด ทำ 7 ประตุ และเป็นกัปตันทีมชาติสวีเดนไปลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่อิตาลีในปี 1990 ด้วย
� � � หลังแขวนสตั้ด ไฮเซ่น ไปรับงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีม ตอร์สลันด้า ในลีกบ้านเกิด และเคยไปเป็นผู้จัดการทีมร่วมของทีม
ในลีกรองสวีเดนอย่าง อุตซิคเท่นส์ เช่นกัน แต่ก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ� รวมถึงเจ้าตัวเคยไปจับงานด้านสื่อโทรทัศน์ ด้วยการเป็นกูรูให้กับทีวี 6 และ ทีวี 3 ของสวีเดน แต่ปัจจุบันเป็นกูรูทางช่อง ทีวี 2 ของนอร์เวย์อยู่
� � � เห็นมาดขรึมๆ นิ่งๆ แบบนี้ ไฮเซ่น เคยเข้าแข่งขันเต้นมาแล้วในรายการ เล็ทส์ แดนซ์ 2014 โดยถูกคัดออกเป็นคนที่สาม และตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา ไฮเซ่น ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ทูตของบริษัทเกมที่ชื่อว่า ยูนิเบ็ท รวมถึงบริษัททำความสะอาดของสวีเดนด้วย
� � � � เกียรติประวัติกับลิเวอร์พูล
� � � � ดิวิชั่น 1 : 1989-90
� � � � แชริตี้ ชีลด์ : 1989, 1990 (แชมป์ร่วม)
� � � � เกียรติประวัติส่วนตัวกับรางวัลที่เคยได้รับ
� � � � นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสวีเดน : ไอเอฟเค โกเตเบิร์ก 1983, ไอเอฟเค โกเตเบิร์ก 1988
� � � � �สถิติการลงสนามกับลิเวอร์พูล : 93 นัด ทำ 3 ประตู 4 แอสซิสต์
� � � � �สโมสรอื่นที่เคยสังกัด : ไอเอฟเค โกเตเบิร์ก (2 ครั้ง), พีเอสวี ไฮน์โอเฟ่น, ฟิออเรนติน่า, โกเตเบิร์ก แอธเลติก แอนด์ สปอร์ต (GAIS)
� � � � �สถิติการเล่นให้ทีมชาติ : สวีเดน 68 นัด ทำ 7 ประตู