��������� หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัย ยืนยัน ไม่เคยคิดขอโทษที่ทำแฮนด์บอลดับฝัน กาน่า ในเกมฟุตบอลโลกรอบ 8 ทีมสุดท้ายเมื่อปี 2010 พร้อมกับระบุว่านักเตะกาน่าต้องโทษตัวเองเพราะยิงลูกโทษที่ได้มาจากจังหวะนั้นไม่เข้าเองต่างหาก
���������� ความเคลื่อนไหวก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอช นัดสุดท้าย ซึ่ง อุรุกวัย จะลงสนามพบ กาน่า ในวันศุกร์ที่ 2 ธ.ค. 65 เวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
��������� เกมดังกล่าวถือเป็นแมตช์ล้างตาของ กาน่า เพราะหากย้อนกลับไปในศึกฟุตบอลโลกปี 2010 กาน่า กำลังจะเป็นชาติแรกของทวีปแอฟริกา ที่เข้ารอบรองฯ ฟุตบอลโลก แต่ลูกโหม่งของ โดมินิค อดิเยียห์ ที่กำลังจะกลายเป็นประตูชัยให้ทีม ดันมาโดน ซัวเรซ ที่ยืนป้องกันบนเส้น กระโดดใช้มือปัดบอลออกมา ทำให้ผู้ตัดสินแจกใบแดงไล่ ซัวเรซ ออกทันที พร้อมกับชี้เป็นลูกจุดโทษ แต่ อซาโมอาห์ กียาน กลับยิงจุดโทษพลาด ทำให้จบเกมเสมอกัน 1-1 จนต้องใช้การดวลจุดโทษตัดสิน สุดท้ายเป็น อุรุกวัย ที่ยิงแม่นกว่า ชนะไปในที่สุด 4-2 ทำให้ กาน่า ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายอย่างน่าเจ็บปวด
���������� ก่อนที่จะรีแมทช์อุรุกวัย-กาน่าในค่ำคืนนี้ ทางนักข่าวก็ได้ถามเรื่องนี้กับซัวเรซ ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่า
�������� "ผมจะไม่ขอโทษเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมทำแฮนด์บอลก็จริง แต่คนยิงจุดโทษพลาดก็คือนักเตะของกาน่า ไม่ใช่ผมสักหน่อย บางทีผมอาจจะขอโทษถ้าผมเข้าสกัดและทำให้มีคนบาดเจ็บ แต่ตอนนั้นผมโดนใบแดงไปแล้ว กรรมการก็บอกว่าเป็นจุดโทษ มันไม่ใช่ความผิดของผม เพราะผมไม่ได้ยิงจุดโทษไม่เข้า พวกเขายิงพลาดเอง"
�������� "พวกที่บอกว่าจะล้างแค้นผม ตอนนั้นน่าจะอายุแค่ 8 ขวบเองมั้ง พวกเขาบอกว่าผมคือปิศาจและอะไรทำนองนั้น แต่ตอนที่ผมเล่นกับ (จอร์โจ้) คิเอลลินี (กองหลังอิตาลีที่ซัวเรซไปกันไหล่) เราก็จับมือกันตามปกติ พวกคุณจะเอาแต่คิดถึงเรื่องในอดีตและการแก้แค้นไม่ได้ เพราะนั่นอาจไม่ได้ช่วยให้คุณมีความก้าวหน้า"
�������� สำหรับ กาน่า อยู่อันดับ 2 มี 3 คะแนน ส่วน อุรุกวัย มี 1 แต้ม อยู่บ๊วยของกลุ่ม ทั้งคู่ต้องการผลชนะเท่านั้น เพื่อลุ้นให้ผ่านเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในศึกฟุตบอลโลก 2022