��������� ลิเวอร์พูล รอดจากการโดนขึ้นนำไปได้ด้วยความช่วยเหลือของเทคโนโลยีการจับล้ำหน้าแบบกึ่งอัตโนมัติ หลังจากภาพอนิเมชั่นมันแสดงให้เห็นว่าหัวของ เลโอ ออสติการ์ด ล้ำหน้านิดหน่อยชนิดที่ถ้ามองด้วยตาเปล่าก็อาจจะมองไม่เห็น
��������� ลิเวอร์พูล รอดจากการเสียประตูในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ นัดที่ชนะ นาโปลี 2-0 เมื่อวันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา หลังจากเทคโนโลยีการจับล้ำหน้าแบบกึ่งอัตโนมัติช่วยทำให้กรรมการตัดสินได้อย่างถูกต้อง
��������� ในช่วงนาทีที่ 53 ของการแข่งขัน ซึ่งเป็นตอนที่สกอร์ยังเสมอกันอยู่ 0-0 นั้น เลโอ ออสติการ์ด แข้งของทีมเยือนโขกบอลเข้าไปนอนในก้นตาข่ายได้ หลังจาก ควิช่า ควารัตสเกเลีย เปิดมาให้เขาได้อย่างแม่นยำ จนทำให้ตอนนั้นบรรดานักเตะกับแฟนบอล นาโปลี ฉลองกันอย่างสุดเหวี่ยง
��������� อย่างไรก็ตาม ทีมงาน วีเออาร์ ได้ทำการเช็กจังหวะนี้ย้อนหลัง โดยต้องใช้เทคโนโลยีการจับล้ำหน้าแบบกึ่งอัตโนมัติมาช่วยด้วย และมันก็ปรากฏว่าจังหวะที่บอลออกจากเท้าของ ควารัตสเกเลีย นั้น ศีรษะของ ออสติการ์ด มันเลยบริเวณหัวไหล่ของ อิบราฮิม่า โกนาเต้ แนวรับคนสุดท้ายของ ลิเวอร์พูล แบบเสี้ยวหนึ่ง จนทำให้มันเท่ากับว่า ออสติการ์ด ล้ำหน้าและโดนริบประตู ถึงกระนั้นทางทีมงานกรรมการก็ต้องใช้เวลาราว 4 นาที กว่าที่จะมีการกลับคำตัดสิน
��������� ทั้งนี้ เทคโนโลยีการจับล้ำหน้าแบบกึ่งอัตโนมัตินั้นเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ทำการทดลองใช้ในศึก อาหรับ คัพ เมื่อช่วงปลายปีก่อน และรายการชิงแชมป์สโมสรโลกเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยจะมีการติดตั้งกล้องหลายตัวในสนามเพื่อตรวจจับจังหวะต่างๆ แบบละเอียด เพื่อที่จะสามารถบันทึกจังหวะเหล่านั้นได้อย่างแม่นยำ และจะมีการทำภาพอนิเมชั่นในเวลาต่อมา ซึ่งมันจะมีการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในศึก ฟุตบอลโลก 2022 ด้วย