�������� "ปืนใหญ่" ฟอร์มสุดร้อนแรงเปิดบ้านเชือด ลิเวอร์พูล แบบสุดมันส์ 3-2 จากผลงานของ บูคาโย่ ซาก้า เหมาสองประตูพาทีมเฮ 5 เกมรวดรวมทุกรายการขยับเพิ่มเป็น 24 คะแนนแซง แมนซิตี้ 1 แต้มทวง จ่าฝูง คืนสำเร็จ ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
�������� "บิ๊กแมตช์" พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา อาร์เซน่อล ที่หล่นมาอันดับ 2 หลังโดน แมนฯ ซิตี้ แซงนำจ่าฝูง เปิด เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล อันดับ 10
�������� มิเกล อาร์เตต้า เพิ่งมา "ปืนใหญ่" เอาชนะ โบโด กริมท์ 3-0 ในเกม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ส่วนเกมลีกล่าสุดอัด สเปอร์ส 3-1 เมื่อสัปดาห์ก่อน เกมนี้นายใหญ่ชาวสเปน ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ รับบทแบ็คซ้าย ขณะที่ แนวรุกยังใช้ บูคาโย่ ซาก้า, มาร์ติน โอเดการ์ด และกาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ปั้นเกมสนับสนุน กาเบรียล เชซุส รับบทหน้าเป้า
�������� ส่วนทางฝั่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของ ลิเวอร์พูล เกมล่าสุดในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพิ่งเอาชนะ เรนเจอร์ส 2-0 ส่วนฟอร์มในพรีเมียร์ลีกนั้น เสมอกับ ไบรท์ตัน มา 3-3 เกมนี้นายใหญ่ชาวเยอรมัน ยึดระบบ 4-2-3-1 ต่อจัด ติอาโก้ ยืนคู่กลางกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดีโอโก้ โชต้า และ หลุยส์ ดิอาซ ปั้นเกมสนับสนุน ดาร์วิน นูนเญซ�
�������� เปิดฉากครึ่งแรกมาได้แค่ 58 วินาที อาร์เซน่อล ขึ้นนำหงส์แดงอย่างรวดเร็ว 1-0 จากจังหวะที่ ซาลิบา ตัดบอลได้ก่อนออกขวาให้ บูคาโย่ ซาก้า เลี้ยงตัดแล้วฝากให้ โอเดการ์ด จ่ายทะลุช่องสุดสวยให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ยิงซัดผ่านมือ อลิสซอน เข้าไปอย่างเฉียบขาด ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์แล้วไม่เป็นการล้ำหน้าแต่อย่างใดให้เป็นประตู
�������� นาที 12 ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นจากลูกคอนเนอร์ทางด้านขวา เทรนต์ เปิดมาให้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ แต่ขึ้นโขกเหินคานสูงไป
�������� อีดนาทีถัดมา แฟนปืนเกือบได้เฮหลัง เบน ไวท์ ปาดเลียดมาเสาสองถึง กรานิต ชาคา ซัดเต็มแรงแต่ไปติดมือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ก่อนผู้ตัดสินจะเป่าเป็นจังหวะล้ำหน้าของ ชาคา ก่อน
�������� นาที 15 ดีโอโก้ โชต้า ตวัดบอลไปติดตัว กาเบรียล มากัลเญส ก่อนโดนแขน แต่ผู้ตัดสินเช็กกับห้องวีเออาร์แล้วไม่ว่าอะไรให้เล่นเกมต่อ
�������� นาที 26 เป็นโอกาสยิงเข้ากรอบหนแรกของ "หงส์แดง" หลัง ซาลาห์ จ่ายไปที่ว่างให้ นูนเญซ หลุดเข้าไปซัดเสาแรกแต่บอลยังพุ่งไปติดเซฟของ แอรอน แรมส์เดล
�������� อีกสี่นาทีถัดมา ลิเวอร์พูล ได้เสียวอีกหลัง นูนเญซ ปาดมาหน้าประตู ซาลิบา ถึงบอลก่อน ดิอาซ แต่เกือบยิงประตูตัวเอง ยังดีที่ แรมส์เดล ยังเร็วช่วยปัดออกไปหวุดหวิด
�������� นาที 34 ลิเวอร์พูล มาทวงประตูตีเสมอ อาร์เซน่อล 1-1 สำเร็จ หลังแนวรับปืนใหญ่พลาดบอลหลุดไปให้ หลุยส์ ดิอาซ ปาดเลียดมาหน้ากรอบให้ ดาร์วิน นูนเญซ พุ่งเข้าฮอสจิ้มบอลเข้าไป และเป็นเม็ดที่ 2 ของดาวยิงชาวอุรุกวัยในพรีเมียร์ลีก
�������� นาที 42 คล็อปป์ ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกหลัง หลุยส์ ดิอาซ ตัวรุกคนสำคัญมีอาการเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ลงเล่นแทน
�������� ช่วงทดเจ็บ นาที 45+5 อาร์เซน่อล มาแซงขึ้นนำอีกครั้งหลังบอลสวนกลับขึ้นมาทาง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ พาบอลควบเข้าไปดึงหลบแนวรับหงส์สองคนแล้วจ่ายให้ บูคาโย่ ซาก้า ที่ยืนว่างทางเสาไกลซัดเข้าไปไม่เหลือให้ "ปืนใหญ่" พลิกขึ้นนำ 2-1 ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
�������� เปิดฉากครึ่งหลัง 2 นาที ลิเวอร์พูล หวิดงานเข้า กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ หลุดขึ้นมาทางซ้ายปาดเข้ากรอบ 6 หลาไปตรงตัว โฌเอล มาติป สกัดไม่ดีกลายเป็นตั้งให้ มาร์ติน โอเดการ์ด ซัดไปติดบล็อค
�������� 3 นาทีต่อมา "ปืนใหญ่" ย้ำแผลทางฝั่งซ้าย กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ โชว์ลีลาพาหนี โฌเอล มาติป ฝากมาตรงกลางให้ มาร์ติน โอเดการ์ด แตะเข้าเขตโทษก้มหน้าหวดด้วยซ้ายไปตรงตัว อลิสซอน เบ็คเกอร์
�������� นาทีที่ 53 กลายเป็น ลิเวอร์พูล สวนหมัดเดียวตีเสมอ 2-2 ดีโอโก้ โชต้า เก็บบอลหน้าเขตโทษฝั่งซ้ายดึงจังหวะแทงเข้าเขตโทษให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ หลุดกับดักล้ำหน้าสอดขึ้นมาหักข้อหนีมือ แอรอน แรมส์เดล เสียบโคนเสาไกลงามหยด
�������� 60 นาทีผ่านเกมเริ่มหนักแต่ยังเป็น เจ้าถิ่น ทำได้ดีกว่า กรานิต ชาคา ขยับมารับบอลในเขตโทษฝั่งซ้ายยกข้ามหัว โฌเอล มาติป ก่อนตะบันตามน้ำปลิ้นหลังเท้าเหินข้ามคานออกหลัง
�������� นาทีที่ 72 "ปืนใหญ่" โหมต่อเนื่องจากจังหวะชุลมุนในเขตโทษ บูคาโย่ ซาก้า เก็บตกในเขตโทษฝั่งขวาหวดสวนไปติดบล็อคเด้งเข้าทาง กาเบรียล เชซุส ซ้ำอีกรอบก็ยังไม่ผ่านมือ อลิสซอน เบ็คเกอร์
�������� จากจังหวะต่อเนื่อง อาร์เซน่อล ขยับนำ 3-2 จากความผิดพลาดของ ติอาโก้ อัลคันตาร่า เข้าบอลช้าไปหวดใส่น่อง กาเบรียล เชซุส ผู้ตัดสิน ไม่รอช้า ชี้เป็นจุดโทษทันที บูคาโย่ ซาก้า สังหารเข้าไปไม่พลาด
�������� หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม อาร์เซน่อล 3 ลิเวอร์พูล 2
�������� รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
�������� อาร์เซน่อล (4-2-3-1) :� แอรอน แรมส์เดล - เบน ไวท์, วิลเลี่ยม ซาลิบา, กาเบรียล มากัลเญส, ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ - โธมัส ปาร์เตย์, กรานิต ชาคา - บูคาโย่ ซาก้า (ฟาบิโอ วิเอร่า น.94), มาร์ติน โอเดการ์ด (คีแรน เทียร์นีย์ น.82), กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ - กาเบรียล เชซุส (เอ็ดดี เอ็นเคเทียห์ น.91)
�������� ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (โจ โกเมซ น.46), โฌเอล มาติป (อิบราฮิมา โกนาเต้ น.69), เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, คอสตาส ซิมิคาส - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ติอาโก้ อัลคันตาร่า - โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ฟาบินโญ่ น.69), ดีโอโก้ โชต้า (ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ น.81), หลุยส์ ดิอาซ (โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น.42) - ดาร์วิน นูนเญซ
�������� ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์