��������� เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ให้สัมภาษณ์ปลุกเร้าเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูลว่าสถานการณ์ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และทุกคนต้องร่วมกันฝ่าฟันด้วยกัน หลังแพ้ นาโปลี แบบหมดสภาพ 1-4 ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก กลุ่มเอ
���������� ลิเวอร์พูลแพ้แบบหมดสภาพ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาจนถูกมองว่าอาจไม่ได้ลุ้นแชมป์ยุโรปสมัยที่ 7 และมีโอกาสหล่นลงไปเล่น ยูโรปาลีก แทน
���������� อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล เคยตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนี้เมื่อฤดูกาล 2018-19 ซึ่งก็ออกไปแพ้ นาโปลี 0-1 ในรอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 2 แต่สุดท้ายก็กลับมาเป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ได้สำเร็จ โดยจบรอบแรกด้วยการคว้าอันดับ 2 ของกลุ่มซี ต่อจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แม้จะมี 9 แต้มเท่ากับ นาโปลี รวมถึงเฮดทูเฮดเท่ากัน (กลับมาชนะ 1-0 ในแอนฟิลด์) และผลต่างประตูได้-เสีย +2 เท่ากัน แต่ "หงส์แดง" ยิงได้มากกว่า "อัซซูรา" ที่ 9 ประตู ต่อ 7 ลูก
���������� ฤดูกาลนั้น หนึ่งในผลงานของ "หงส์แดง" ที่อยู่ในความทรงจำ คือการพลิกนรกจากที่ตามหลัง บาร์เซโลนา 0-3 ในรอบรองชนะเลิศนัดแรก กลับมาชนะ 4-0 ในเลก 2 แซงเข้ารอบชิงชนะเลิศ ด้วยสกอร์รวม 4-3 ก่อนเอาชนะ สเปอร์ส ทีมร่วมศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในเกมตัดสินแชมป์ คว้าถ้วยยุโรปสมัยที่ 6 มาครอง
���������� ด้าน ฟาน ไดค์ ให้สัมภาษณ์ถึงการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก หนล่าสุด เปรียบเทียบกับครั้งนี้ที่เคยแพ้ นาโปลี เหมือนกันว่า "สถานการณ์สามารถเปลี่ยนแปลงได้แน่นอน มันยังมีอีกหลายนัดให้เล่น แต่ใครๆ ก็อยากจะเริ่มต้นให้ดีเช่นกัน เกมต่อไปใน แชมเปียนส์ลีก จะพบ อาแจ็กซ์ ในบ้าน (13 กันยายน) ซึ่งสิ่งที่เราต้องการอย่างแรกคือแฟนบอล และเราต้องการผลงานที่ดีจากตัวเราเองด้วย เห็นได้ชัดว่ามันควรเริ่มต้นตั้งแต่วันเสาร์ โดยมีโอกาสที่ดีในการเจอกับทีมดีๆ เช่นกัน"
���������� "ดังนั้นเราจะทุ่มเททุกอย่าง และอย่างที่ผมได้พูดไป สิ่งสำคัญอีกอย่างคือเราต้องอยู่ด้วยกัน เราต้องการทุกคน และหากคุณเริ่มโทษคนอื่น โดยไม่มองดูตัวเอง หรือสร้างบรรยากาศแง่ลบในสโมสร เมื่อนั้นคุณจะไม่มีทางหลุดพ้นจากเรื่องนี้ ผมมั่นใจอย่างเต็มที่ว่าเราจะพลิกสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน".