��������� ศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ แมตช์ จบลงด้วย เอฟเวอร์ตัน เปิดรังเสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 โดยที่เกมนี้ "หงส์แดง" รอดพ้นจากการเสียประตู หลัง คอร์เนอร์ โคอาดี้ ส่งบอลตุงตาข่ายไปแล้วแต่ถูก VAR จับล้ำหน้าริบประตูคืน แถมทีมเยือนยังต้องมาสังเวย ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ที่มีอาการบาดเจ็บไปอีกรายด้วย
��������� การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 3 กันยายน 2565 ที่สนาม กูดิสัน พาร์ค เป็นเกม"เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ แมตช์" ยกแรกของฤดูกาลนี้ ระหว่าง เอฟเวอร์ตัน ทีมอันดับ 17 พบ ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 6 ของตาราง
��������� แฟร้งค์ แลมพาร์ด พาทีม ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ยังไม่ชนะใครในการออกสตาร์ต 5 นัดแรกโดยเป็นการเสมอ 3 แพ้ 2 อยู่อันดับ 17 ติดโซนตกชั้นเลย ฟอร์มล่าสุดพวกเขาไปเสมอกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-1 โดยเกมนี้ส่งแข้งใหม่อย่าง นีล โมเปย์ ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงนัดแรก ส่วน อิดริสซ่า เกย์มิดฟิลด์ป้ายแดงมีชื่ออยู่ในม้านั่งสำรอง
��������� ขณะที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ หงส์แดง พาทีมรองแชมป์เก่าชนะ 2 นัดติดต่อกันโดยฟอร์มล่าสุดเข้าวินเหนือ นิวคาสเซิ่ล 2-1 ที่ แอนฟิลด์ โดยเกมนี้ส่ง ดาร์วิน นูนเญซ พ้นโทษแบน 3 นัด ลงเล่นตัวจริงทันที ประสานงานแนวรุกร่วมกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ หลุยส์ ดิอาซ
��������� ครึ่งแรกเปิดฉากมา เอฟเวอร์ตัน เริ่มต้นได้อย่างคึกคัก และมาได้ทักทายก่อนในนาทีที่ 8 จากจังหวะที่ เดมาไร เกรย์ จ่ายบอลทะลุช่องให้ นีล โมเปย์ หลุดกับดักล้ำหน้ามากดเรียดด้วยขวาในเขตโทษบอลพุ่งผ่านหน้าประตูหลุดเสาไกลออกไป
��������� นาที 23 แอนโธนี่ กอร์ดอน เก็บตกได้ในที่หน้าเขตโทษวิ่งมากดเต็มข้อด้วยขวา แต่บอลยังพุ่งไปตรงตัว อลิสซอน เบ็คเกอร์
��������� นาที 32 เอฟเวอร์ตัน พลาดขึ้นนำอย่างน่าเสียดายเมื่อ โจ โกเมซ เคลียร์บอลไม่ขาดบอลไปเข้าทาง ทอม เดวิส ที่ได้ดีดไซร์ก้อยในเขตโทษบอลพุ่งไปชนเสาไกลกระดอนออกมา
��������� จากนั้นท้ายครึ่งแรก นาที 40 ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นจากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวาบอลลอยมาเข้าหัว ดาร์วิน นูนเญซ ขึ้นโหม่งบอลเหินข้ามคานไปนิดเดียว
��������� นาที 43 ลิเวอร์พูล พลาดขึ้นนำแบบเหลือเชื่อ นูเนเญซ เก็บบอลได้ในเขตโทษแล้ววอลเลย์ด้วยขวา จอร์แดน พิคฟอร์ด ปัดไปชนคาน ก่อนที่ หลุยส์ ดิอาซ จะเก็บตกได้แถวสองแล้วปั่นด้วยขวาบอลพุ่งไปชนเสาอีก
��������� ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0
��������� ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ใช้โควต้าเปลี่ยนตัวคนแรกหลังจาก ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ที่มีอาการบาดเจ็บตั้งแต่ครึ่งแรกถูกถอดออกไปแล้วส่ง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ลงมาเล่นแทน
��������� นาที 50 เอฟเวอร์ตัน ได้ลุ้นก่อน อเล็กซ์ อีโวบี้ เปิดบอลยัดมาให้ นีล โมเปย์ ในเขตโทษ ก่อนจะตวัดยิงกลับหลังบอลยังข้ามคานออกไป
��������� เจ้าถิ่นเริ่มบุดใส่ได้มากขึ้น นาที 63 เกือบได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง เนธาน แพตเตอร์สัน สอดขึ้นมากดด้วยขวาในเขตโทษบอลไปแฉลบ ฟานไดค์ หลุดเสาออกไปนิดเดียว
��������� ลิเวอร์พูล สวนกลับมาทันควัน และได้ลุ้นจากลูกยิงของ ฟีร์มีโน่ ในนาที 64 แต่ พิคฟอร์ด โชว์ซูเปอร์เซฟพุ่งปัดทิ้งออกหลังไป
��������� จากนั้น เอฟเวอร์ตัน โต้กลับขึ้นมา นาที 65 เดมาไรย์ เกย์ กระชากหลุดขึ้นมาถึงสุดเส้นแล้วถวายพานย้อนกลับมาให้ นีล โมเปย์ ได้ยิงแบบโล่งๆ แต่ไม่ผ่านมือของ อลิสซอน
��������� นาที 69 เอฟเวอร์ตัน ต้องเฮเก้อชวดได้ประตูขึ้นนำ หลังจาก นีล โมเปย์ พักบอลได้ก่อนจ่ายยัดไปที่เสาไกลให้ คอนอร์ คัวดี้ ชาร์จจ่อๆไม่เหลือ แต่ถูก VAR จับล้ำหน้าของ คัวดี้ ริบประตูคืนไป
��������� ท้ายเกมช่วงทดเวลา นาที 90+5 โม ซาลาห์ ได้กดด้วยซ้ายแบบเน้นๆ ไปติดเซฟ พิคฟอร์ด ที่ปัดไปชนเสากระดอนออกมาอีก
��������� เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม เอฟเวอร์ตัน เสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 โดยเจ้าถิ่นเก็บเพิ่มเป็น 4 แต้มขึ้นมารั้งที่ 14 ส่วน ลิเวอร์พูล มี 9 แต้มขัยบขึ้นมารั้งที่ 5 ของตาราง
��������� รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
��������� เอฟเวอร์ตัน (4-5-1) : จอร์แดน พิคฟอร์ด - เนธาน แพตเตอร์สัน, คอนอร์ คัวดี้, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, วิตาลี่ มายโคเลนโก้ - ทอม เดวิส (อิดริสซ่า เกย์ น.61), เดมาไร เกรย์, อมาดู โอนาน่า, อเล็กซ์ อิโวบี้, แอนโธนี่ กอร์ดอน - นีล โมเปย์
��������� ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (เจมส์ มิลเนอร์ น.59), โจ โกเมซ, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, คอตตาส ซิมิกาส (แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน น.59) - ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ (โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น.46), ฟาบินโญ่, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ (โฌแอล มาติป น.80) - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดาร์วิน นูนเญซ (ดีโอโก้ โชต้า น.80), หลุยส์ ดิอาซ���