������� ศึกฟุตบอล ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม 2565 หงส์แดง ทีมอันดับ 13 เปิดบ้านต้อนรับ คริสตัล พาเลซ ที่รั้งอันดับ 18 ของตาราง
������� เจอร์เก้น คล็อปป์ พาทีมออกสตาร์ตซีซั่นใหม่ด้วยการไล่ตีเสมอ ฟูแล่ม 2 ครั้ง 2 คราจบที่สกอร์ 2-2 เมื่อสัปดาห์ก่อน ทางด้าน ปาทริก วิเอร่า พาทีมออกสตาร์ตด้วยการแพ้ อาร์เซน่อล 0-2 คา เซลเฮิร์สต์ ปาร์ค มาเกมนี้เจอกับงานช้างอย่าง ลิเวอร์พูล
������� เปิดฉากครึ่งแรก 58 วินาที หงส์แดง ทักทายก่อน อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ขยับมาเก็บทางขวาครอสเข้าเขตโทษลึกไปติด บิเซนเต้ กัวอิต้า ชกออกมาเข้าทาง เจมส์ มิลเนอร์ สอดมาฉกได้ช่องซัดด้วยซ้ายปลิ้นข้ามคาน
������� นาทีที่ 8 ลิเวอร์พูล เร่งเครื่องเต็มสูบ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เก็บตกในเขตโทษฝั่งขวาหยอดข้ามมาเสาไกลให้ ดาร์วิน นูนเญซ ตั้งเท้าตวัดในกรอบ 6 หลาแบบไร้ตัวประกบปลิ้นหลังเท้าหลุดข้ามคานเหลือเชื่อ
������� ต่อมานาทีที่ 17 คราวนี้เป็น แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ดันขึ้นสูงหลุดกับดักล้ำหน้าตามมาเก็บบอลแต่งเข้าเขตโทษซัดไปติดบล็อค โจเอล วอร์ด เด้งมาหา หลุยส์ ดิอาซ หมุนได้ช่องซัดอีกรอบก็ยังแฉลบย้อยเข้ามือ บิเซนเต้ กัวอิต้า
������� หงส์แดง โหมต่อเนื่องเน้นขึ้นเกมทางฝั่งขวานาทีที่ 22 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เลือกปาดเรียดเข้าเขตโทษให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตั้งเท้าชาร์จด้วยซ้ายข้างถนัดหน้ากรอบ 6 หลาหลุดเสาแรกอย่างน่าผิดหวัง
������� 30 นาทีผ่าน อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หุบมาเล่นตรงกลางหมุนตัวหยอดเข้ากรอบเขตโทษข้ามหัวแนวรับ ย้อยเข้าทางขวิดหน้ากรอบ 6 หลาก็ยังไปตรงตัว บิเซนเต้ กัวอิต้า เหมือนเดิม
������� 2 นาทีต่อมากลายเป็น คริสตัล พาเลซ พลิกขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะสวนกลับ บิเซนเต้ กัวอิต้า หวดทิ้งขึ้นมาเข้าทาง เอเบเรซี่ เอเซ่ เก็บบอลแหวกได้ช่องแทงเล่นงาน นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ไหลมาเข้าเท้า วิลฟรีด ซาฮา หลุดกับดักล้ำหน้าแตะเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายเอียงตัวปั่นด้วยขวาเสียบโคนเสาไกลงามหยด
������� นาทีที่ 43 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แทงช่องออกขวาให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ใช้ความเร็วตามมาเก็บก่อนตวัดเร็วมาหน้ากรอบ 6 หลาเข้าทาง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ตั้งหัวโขกก็ยังตรงตัว บิเซนเต้ กัวอิต้า
������� ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 45+3 ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ตามมาเก็บตกตรงกลางตวัดหยอดออกซ้ายให้ ดาร์วิน นูนเญซ พักอกหน้ากรอบ 6 หลาเอียงตัวปั่นด้วยขวาเสียดายโดนไม่เต็มบอลติดไซค์ไปชนเสาไกลเด้งออกมา
������� หมดครึ่งเวลาแรก ลิเวอร์พูล 0 คริสตัล พาเลซ 1
������� เริ่มครึ่งหลัง 3 นาที หงส์แดง พลาดโอกาสทอง ดาร์วิน นูนเญซ สอดมารับบอลในเขตโทษได้ล่อเป้า บิเซนเต้ กัวอิต้า แต่จังหวะซัดกลายเป็นโดนไม่เต็มปลิ้นไปติดเซฟ โจเอล วอร์ด ทิ้งตัวช่วยบล็อคหวุดหวิด
������� นาทีที่ 58 กลายเป็น ลิเวอร์พูล ต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน ดาร์วิน นูนเญซ เสียเหลี่ยมไปเจตนานอกเกมใช้หัว เฮดบัตต์ โยอาคิม แอนเดอร์เซ่น ผู้ตัดสิน ไม่รอช้าชูใบแดงไล่ออกจากสนามแบบไม่ลังเล
������� แต่แล้วนาทีที่ 61 เจ้าถิ่น ตามตีเสมอ 1-1 จากความสามารถเฉพาะตัวของ หลุยส์ ดิอาซ แหวกแนวรับ คริสตัล พาเลซ ทั้งแผงดึงได้ช่องปั่นด้วยขวาหน้ากรอบเขตโทษโค้งหนีบล็อคพุ่งผ่านมือ บิเซนเต้ กัวอิต้า ซุกหน้าต่างเสาสอง
������� นาทีที่ 78 คริสตัล พาเลซ พลาดโอกาสทอง ชีค ดูกูเร่ หนีมารับบอลในเขตโทษฝั่งขวาปาดข้ามมาเสาไกลให้ วิลฟรีด ซาฮา สอดอ้อมหลัง อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ดีดด้วยขวาไม่ถึง 5 หลาหลุดออกหลังอย่างน่าเสียดาย
������� ต่อมานาทีที่ 87 เจ้าถิ่น เกือบได้ประตูชัย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ขยับมาตรงกลางเก็บตกบอลหน้ากรอบ 18 หลาเลือกตวัดด้วยซ้ายตามน้ำโค้งผ่านมือ บิเซนเต้ กัวอิต้า ถากโคนเสาแรกหลุดออกไปนิดเดียว
������� ช่วงเวลาที่เหลือมีโอกาสบวกสกอร์ด้วยกันทั้งคู่ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ได้ซัดด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษเลี้ยวเฉี่ยวเสาออกหลัง ก่อนเป็น โจเอล วอร์ด ทิ้งตัวชาร์จหน้ากรอบ 6 หลาปลิ้นข้ามคาน
������� หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม ลิเวอร์พูล 1 คริสตัล พาเลซ 1
������� รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
������� ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, นาธาเนียล ฟิลลิปส์ (โจ โกเมซ น.63), เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (คอสตาส ซิมิคาส น.63) ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ (ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ น.79), ฟาบินโญ่, เจมส์ มิลเนอร์ (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.63) โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดาร์วิน นูนเญซ, หลุยส์ ดิอาซ
������� ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์
������� คริสตัล พาเลซ (5-4-1) : บิเซนเต้ กัวอิต้า เนธาเนี่ยล ไคล์น, โจเอล วอร์ด, โยอาคิม แอนเดอร์เซ่น, มาร์ค เกอฮี, ไทริก มิตเชลล์ (คริส ริชาดส์ น.79) เอเบเรซี่ เอเซ่ (ลูก้า มิลิโวเยวิช น.79), ชีค ดูกูเร่ (วิลล์ ฮิวจ์ส น.79), เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ (ไมเคิ่ล โอลิเซ่ น.88), วิลฟรีด ซาฮา จอร์แดน อายิว (ออดซอนน์ เอดูอาร์ น.63)
������� ผู้จัดการทีม : ปาทริก วิเอร่า
������� ผู้ตัดสิน : พอล เทียร์นี่ย์