�������� เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังตัวแกร่งของ 'หงส์แดง' ลิเวอร์พูล กลับมาฟิตเต็มที่พร้อมสำหรับเกมแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ กับ เรอัล มาดริด วันเสาร์นี้
�������� เซ็นเตอร์แบ็กรายนี้ไมได้ลงเล่นให้กับลิเวอร์พูลนับตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บระหว่าง เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศที่เอาชนะเชลซีที่เวมบลีย์เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม
�������� อย่างไรก็ตาม เขาพร้อมจะกลับมาลงปะทะกับเรอัล มาดริดในปารีสในวันเสาร์นี้
�������� ใช่แล้ว ผมสบายดี ไม่มีปัญหาอะไรเลย ฟาน ไดจ์ค กล่าวกับ Liverpoolfc.com เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
�������� ไม่มีปัญหาการบาดเจ็บ และแน่นอนว่ามันน่าตื่นเต้นมาก
�������� หลังจากพลาดส่วนใหญ่ในฤดูกาล 2020-21 เนื่องจาการบาดเจ็บเข่ารุนแรง ฟาน ไดจ์ค ลงเล่น 50 นัดให้กับหงส์แดง และ 8 เกมให้กับทีมชาติฮอลแลนด์มาจนถึงตอนนี้ในฤดูกาล
�������� เมื่อถามว่าช่วงพักเบรกสองสัปดาห์ระหว่างเกมอาจจะช่วยเขาได้หรือไม่ หลังโปรแกรมหฤโหด เจ้าของเสื้อเบอร์ 4 ตอบว่า ใช่แล้ว ชัดเจนว่าผมคิดในเรื่องของสภาพจิตใจ
�������� แน่นอนว่าร่างกายของผมพอใจที่ได้พักนิดหน่อย หลังจากลงเล่นเกมมากมาย มันมีช่วงเวลาตึงๆ มากมาย� และผมช้ำนิดหน่อยหลังจากเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ที่อาจจะเป็นสัญญาณว่าร่างกายของผมต้องพักนิดหน่อย
�������� ตอนนี้ผมรู้สึกสบายดีที่สุด และตั้งหน้าตั้งตารอคอย ค่ำคืนที่หวังว่าจะพิเศษ
�������� สุดสัปดาห์นี้ในเกมที่สต๊าด เดอ ฟร้องค์จะเป็นเกมรีแมตช์ นัดชิงชนะเลิศในปี 2018 ที่เรอัลชนะ 3-1
�������� แล้วฟาน ไดจ์ค รู้สึกว่าลิเวอร์พูลเติบโต และพัฒนามากแค่ไหนนับจากนั้น?
�������� (เรามีการ) เติบโตขึ้นมาก มีประสบการณ์มากขึ้น นักเตะที่แตกต่างไปหลายคน หลายๆ คนที่ลงเล่นในเกมนั้นชัดเจนว่ายังคงเล่นอยู่ (กับเรา) เขายืนยัน
�������� แต่ผมคิดว่าประสบการณ์ และเช่นกันกับวิธีการที่เราเล่น คุณรู้ดี มันเปลี่ยนแปลง และมันเป็นนัดชิงชนะเลิศร่วมกันของเราเป็นครั้งแรก แน่นอนว่าเมื่อคุณได้รับประสบการณ์ในนัดชิงชนะเลิศ คุณจะได้อะไรจากมันหลายอย่าง นี่คือสิ่งที่เราใช้เป็นตัวอย่างในมาดริด ซึ่งมันจะเหมือนกัน แน่นอนว่าเราจะเล่นกับหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์แชมเปียนส์ลีก และเราต้องอยู่ในจุดที่ดีมากโดยหวังว่าจะได้ชูถ้วยในครั้งนี้
�������� สิบสองเดือนจากจุดต่ำสุดในเคียฟ ทั้งฟาน ไดจ์ค และเพื่อนร่วมทีมกลับมาชูถ้วยยูโรเปียน คัพ ในมาดริด
�������� ใช่แล้ว แน่นอนว่ามันตื่นเต้นมาก มันคือความฝันอันยิ่งใหญ่ที่กลายเป็นความจริง ผมคิดว่ามันเป็นความฝันที่กลายเป็นความจริงสำหรับนักฟุตบอลทุกคน ผมคิดอย่างนั้น การที่สามารถลงเล่นในแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ แต่ (เช่นกัน) กับการชนะมันจริงๆ นักเตะชาวดัตช์ย้อนถึงค่ำคืนนั้น
�������� และเช่นกันกับการชนะมันในปีหลังจากที่คุณแพ้มันเป็นเรื่องที่พิเศษ การอยู่กับครอบครัว และลูกๆ ของผมเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ในปีนี้มันอาจจะพิเศษขึ้นอีกนิด เพราะว่ามันเป็นฤดูกาลคัมแบ็กของผม นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึก
�������� มันเป็นปีที่น่าเหลือเชื่อ ปีที่หนัก และเราจะรอดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราสนุกสนานกับมัน และใช่แล้ว ต้องรอดูว่าอะไรจะตามมา