���������� เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ลิเวอร์พูลพูดถึงการแก้เกมที่ส่ง หลุยส์ ดิอาซ กองหน้าโคลอมเบียลงสนามในครึ่งเวลาหลัง ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้ 'หงส์แดง' กลับมาแซงชนะบียาร์เรอัล 3-2 ผ่านเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ
���������� ในเกมที่ลิเวอร์พูลตามอยู่ในครึ่งเวลาแรก 0-2 นั้น คล็อปป์เปลี่ยนเอา ดิอาซ ลงมาแทน โชต้า และดาวเตะโคลอมเบียก็เริ่มป่วนเกมรับของบียาร์เรอัลจนทีมมาจุดประกายด้วยการตีไข่แตกจาก ฟาบินโญ่ จากนั้น ดิอาซ เองก็มาโหม่งทำประตูตีเสมอในเกมแต่ทำให้ผลรวมยิ่งทิ้งห่างไปเป็น 2 ประตู สุดท้าย ซาดิโอ มาเน่ ใช้ความเร็วแตะหลบผู้รักษาประตูและยิงประตูแซงนำให้ทีมหงส์แดงได้สำเร็จ
����������� "เรื่องคือ ไม่ใช่ว่าหลุยส์ (ดิอาซ) คือทางออก การแก้ปัญหาคือเราต้องเคลื่อนที่มากขึ้น เราต้องแก้แนวรุกจริงๆ อย่างที่ผมพูด เรามีซาดิโอด้านซ้าย โมด้านขวา และดิโอโก้ตรงกลาง และถ้าคุณเล่นกับทีมที่เล่นระบบวิ่งไล่ หรือประกบตัวต่อตัว คุณเล่นตามเกมของพวกเขา เพราะตอนนี้คุณปล่อยบอลตรงนั้น และพวกเขาแย่งบอลได้"
����������� "ผมคิดว่าเราไม่สามารถเก็บบอลในแนวรุกได้เลยในครึ่งแรก เพราะว่าการเคลื่อนที่ผิด แต่ถ้าคุณไม่สามารถเล่นบอลในแดนหน้าแล้วคุณต้องการทางเลือกในแผงกองกลางเช่นกัน"
����������� "แน่นอนว่าติอาโก้ (อัลคันทาร่า) ถูกกดันหนักตอนที่เขาถอยต่ำ ฟูลแบ็กของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งร็อบโบ้ (โรเบิร์ตสัน) เร็วไป สูงไปในหลายๆ จังหวะ และเรามีนักเตะห้าคนอยู่ในแนวเดียว และไม่มีใครจ่ายบอลชี้ขาด ดังนั้นมีปัญหาเยอะมาก มันไม่ใช่เรื่องที่ผมอธิบายมันได้ในตอนนี้ แต่คุณมองเห็นมันมาแล้ว และคุณมองเห็นมันในครึ่งหลัง"
����������� "ความแตกต่างเป็นการพูดถึงมันในช่วงพักครึ่ง เราเคยพูดในช่วงพักครึ่งว่าเราต้องเริ่มทำสิ่งที่ผมอยากจะทำในตอนแรก และไม่เล่นไปเข้าทางพวกเขา เพราะว่าพวกเขาเล่นประกบตัวต่อตัว และไล่ตามเราจริงๆ"
����������� "ในเวลานั้น คุณอาจจะจำจังหวะจ่ายบอลไปพื้นที่ฮาล์ฟ-สเปซครั้งแรก นาบี เกอิต้าสามารถพลิกได้ หลังจากนั้นซาดิโอ (มาเน่) ถ้าเราต้องจ่ายไปตรงนั้น ทันใดนั้นจู่ๆ พวกเขาก็มีปัญหาที่เรามีในครึ่งแรก ซึ่งเราพลิก และวิ่งทะลุแนวไปสี่ห้าตัวในแนวรับสุดท้ายของพวกเขา"
����������� "มันคือสถานการณ์ที่เราคาดว่าจะมีอยู่แล้วในครึ่งแรก ชัดเจนว่าพวยกเขาจะเดินหน้าใส่เรา แต่ถ้าคุณเพรสอย่างที่พวกเขาทำหลังจากนั้น แต่ถ้าคุณเพรสอย่างพวกเขาแล้วคุณจะเปิดช่องตรงจุดอื่น ชัดเจนว่าถ้าเราอยู่ในจังหวะตัวต่อตัวในจังหวะนั้น เราจะมีข้อได้เปรียบ"
����������� "ยิ่งว่านั้นคุณจะมีอารมณ์ที่จะทำอย่างนั้นจริงๆ เพราะถ้าลูกยิงแรกเป็นประตูของคุณแล้วคุณจะเริ่มเล่นอย่างลื่นไหลในเวลานั้น ถ้าคุณเสียประตู บ่อยครั้งมันจะเกิดขึ้นจะตรงกันข้าม และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ซึ่งเราต้องบีบตัวเองให้กลับมาสู่เกม และเด็กๆ ทำได้ และทุกอย่างออกมาดี"