������� เอล ฮัดจิ ดิยุฟ อดีตกองหน้าทีม ลิเวอร์พูล ออกโรงแสดงความเห็นถึงอนาคตของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แล้ว พร้อมระบุเหตุผลที่เจ้าตัวยังไม่ได้รับการต่อสัญญาจากต้นสังกัด
��� ปัจจุบัน กองหน้าทีมชาติ อียิปต์ เหลือสัญญากับถิ่น แอนฟิลด์ จนถึงปี 2023 และถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าเนื่องจากการเจรจากันของทั้งสองฝ่ายล้มเหลวมาโดยตลอด
��� ขณะเดียวกัน มีการแสดงมุมมองต่อเรื่องดังกล่าวแตกออกเป็นสองทางบ้างก็ชี้ว่า หงส์แดง สมควรเพิ่มค่าแรงให้อย่างที่นักเตะต้องการ ขณะที่อีกกลุ่มชี้ว่าการประเคนค่าแรงอย่างงามให้สตาร์แอฟริกันจะส่งผลเสียต่อโครงสร้างการเงินของทีม
��� ด้านสื่อมวลชนอ้างว่า ซาลาห์ ซึ่งมีผลงานยิงได้ 153 ลูกจากการลงเล่นให้ เร้ด แมชีน 239 นัดเรียกร้องค่าแรงในสัญญาฉบับใหม่สัปดาห์ละ 500,000 ปอนด์ (ราว 22 ล้านบาท) ซึ่งจะทำเขาเป็นพ่อค้าแข้งที่มีรายได้สูงที่สุดคนหนึ่งของโลกอันเป็นเหตุให้ ลิเวอร์พูล ไม่พร้อมจ่าย ขณะที่ตัวแทนนักเตะยืนยันว่าเงินก้อนดังกล่าวที่สื่อระบุสูงเกินจริง
��� อย่างไรก็ดี ล่าสุดเมื่อ 27 มี.ค. ดิยุฟ ซึ่งเคยค้าเกือกกับ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2002 ได้ให้เหตุผลถึงการที่ทีมดังของถิ่น แอนฟิลด์ ไม่พร้อมต่อสัญญากับดาวยิง มัมมี่ ซึ่งตกเป็นข่าวกับ เรอัล มาดริด ออกมาแล้ว
��� "แน่นอนว่า ลิเวอร์พูล ต้องยอมรับความต้องการของ ซาลาห์ หากผมเป็นเขา ผมจะอยู่กับ ลิเวอร์พูล ต่อ เขาสามารถหาเงินได้มากขึ้นก็จริง แต่เขาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของสโมสรเช่นเดียวกับ ซาดิโอ มาเน่ ทั้งคู่พาทีมคว้าแชมป์ได้มากมาย"
��� "เขามีอายุ 29 ปี และผมอยากให้เขาเล่นอยู่กับ ลิเวอร์พูล อีกสี่ปี การย้ายไปที่ เรอัล มาดริด มันหมายความว่าเขาจะต้องเริ่มต้นใหม่หมดอีกครั้ง"
��� สุดท้ายแล้ว อดีตกองหน้าทีมชาติ เซเนกัล ระบุว่า "ซาลาห์ ต้องตระหนักว่าเขาเป็นคนแอฟริกัน ดังนั้นสโมสรจะไม่ปฏิบัติกับเขาเหมือนนักเตะยุโรป และพวกเขาจะไม่มอบสัญญาที่ดีที่สุดให้กับเขาอย่างที่นักเตะคนอื่นๆต้องการ"
��� "สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับผมตอนที่ผมอยู่กับ ลิเวอร์พูล พวกเขาบอกกับผมว่าอย่าเล่นให้ทีมชาติ"