������� เดิร์ก เค้าท์ อดีตกองหน้าสายมาราธอนของ ลิเวอร์พูล ได้พูดถึงประสบการณ์ในเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยของตัวเขากับ 'หงส์แดง' พร้อมแสดงความมั่นใจว่าหากทีมเก่าของเขาเป็นฝ่ายชนะ มันจะเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่นักเตะไม่มีวันลืมไปตลอดแน่นอน
������� ในคอลัมน์ล่าสุดบนเว็บไซต์ทางการของสโมสร เคาต์ มองไปถึงเกมนัดชิงชนะเลิศคาราบาว คัพ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ด้วยการสะท้อนถึงบทบาทของเขาในชัยชนะครั้งล่าสุดของสโมสรในรายการนี้เมื่อปี 2012
������� "ผมรู้ดีว่ามันกำลังจะมาถึง แต่มันก็เป็นการยืนยันว่าคุณหวาดกลัว ผมรู้สึกเมื่อตอนที่ผมขึ้นรถโค้ชที่เมลวู้ด ผมรู้สึกตอนที่เราขึ้นรถไฟลงใต้ และมันยังคงอยู่อย่างนั้นเมื่อผมเอนตัวลงนอนในโรงแรมค่ำคืนนั้น" อดีตแข้งชาวดัตช์กล่าว
������� "ผมมารู้ว่าผมไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมนัดชิงชนะเลิศลีก คัพ 2012 ลิเวอร์พูล ปะทะ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ที่เวมบลีย์"
������� "เคนนี ดัลกลิช รอจนกระทั่งวันแข่งถึงประกาศรายชื่อทีม แม้ว่าผมจะไม่ได้อยู่ใน 11 คนแรกมากนักในฤดูกาลนั้น แต่ผมก็เสียใจมาก อย่างที่คุณคาดได้นั่นแหละ เสียใจสุด ๆ ผมเกลียดมัน ตอนที่ผมไม่ได้ลงเล่นเต็ม 90 นาที ยิ่งหนักเมื่อมันเป็นเกมนัดชิงชนะเลิศ"
������� "แต่นี่บ่งบอกว่ามีการตอบสนองอย่างแท้จริงอย่างหนึ่งต่อความพ่ายแพ้อย่างนั้นในเกมนี้ คุณต้องแสดงมันออกมาด้วยการเล่นฟุตบอลของคุณ นั่นเป็นคำตอบเสมอ"
������� "ขอบคุณจริง ๆ เมื่อหนึ่งทศวรรษก่อนกับทีมคาร์ดิฟฟ์ที่เต็มไปด้วยสปิริต ผมสามารถที่จะลงสนามได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษและทำประตูได้แทบจะทันที และยิงจุดโทษลูกสำคัญในการดวลตัดสิน มันช่วยให้ผมคว้าถ้วยรางวัลแรกและถ้วยเดียวของผมในฐานะนักเตะลิเวอร์พูล"
������� "ตามปกติ ทุกคนคิดถึงนักเตะ 11 คนแรก แต่บรรดาคนที่อยู่บนม้านั่งสำรองก็อาจเป็นผู้เปลี่ยนเกมได้ เป็นผู้ทำประตูชัย นั่นอาจเป็นจุดแข็งของลิเวอร์พูลเมื่อพวกเขามาเจอกับคู่ต่อสู้อย่างเชลซี"
������� "บรรดานักเตะที่ไม่ได้ลงตัวจริงจะผิดหวังมากอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาต้องผิดหวังแน่ล่ะ แต่พวกเขาก็มีทัศนคติที่พร้อมที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อทีมและเพื่อแสดงให้ผู้จัดการทีมรู้ว่า บางที คุณอาจควรให้ผมลงตัวจริง แทนสิ่งที่คุณทำไป ยกตัวอย่างนะ พูดสิ่งต่าง ๆ ในสื่อหรือแสดงด้วยความคิดหรือสีหน้าว่าคุณไม่มีความสุข"
������� "เกมคาร์ดิฟฟ์เกมนั้นมันบ้าและยากมาก คุณเห็นฝ่ายตรงข้ามและทุกคนคิดว่าลิเวอร์พูลจะชนะ ปต่นัดชิงก็คือนัดชิง และทุกสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้"
������� "ผมมีความเป็นไปได้ที่จะได้ลงสนามในที่สุด หลังผ่านไป 103 นาที และแค่ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมี ต้องยอมรับเลยว่าผมโชคดีเล็กน้อยกับประตูที่ผมทำได้ แต่ผมก็มีความสุขที่ได้ทำประตูที่เวมบลีย์ ผมคิดว่ามันจะเป็นประตูชัยแต่ อย่างที่คุณรู้ คาร์ดิฟฟ์ทำประตูตีเสมอได้และมันนำไปสู่การดวลจุดโทษ"
������� "เราพลาดสองคนแรกในการดวลจุดโทษ และผมออกไปยิงเป็นคนที่สาม มันคือคำถามที่ผมได้รับมามากมายเลย - คุณสามารถยิงจุดโทษต่อหน้าคนเกือบ 90,000 คนได้อย่างไร? ผมแค่คิดสิ่งเดียว คือ ผมต้องการทำงานของผมเพื่อทีม"
������� "ผมเคยยิงจุดโทษมามากมายในอาชีพของผมและสามารถควบคุมความกังวลของผมเองได้ แน่นอน คุณรู้สึกถึงความวิตกกังวลและอะดินาลีน แต่ในอีกทางหนึ่ง ความรู้สึกที่ดีที่สุดที่คุณสามารถมีได้ คือ ด้วยความกังวลทั้งหมดเมื่อก้าวเท้าออกไปและรู้ว่ามันสำคัญแค่ไหน มองลูกบอลผ่านเข้าประตูไป นั่นแหละ มันคือความรู้สึกที่ดีที่สุดยิ่งกว่า"
������� "ผมเคยพลาดมาบ้าง แต่ขอบคุณที่ในช่วงเวลาสำคัญ อย่างฟุตบอลโลก, รอบรองชนะเลิศ แชมเปียนส์ลีก และนัดชิง ผมทำประตูได้ทั้งหมด ผมแค่รู้สึกผ่อนคลายเสมอถ้าผมจับจังหวะให้ถูกต้อง ผมจะทำประตูได้เสมอ"
������� "ผมยิงเข้าไปและเราจบลงด้วยชัยชนะ 3-2 การเฉลิมฉลองเหล่านั้น - การวิ่งตรงไปหาเปเป้ เรน่าและในห้องแต่งตัวหลังจากนั้นยังคงอยู่กับผมจนถึงตอนนี้"������� "
แน่นอน คุณต้องการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, แชมเปียนส์ลีก และผมเองก็เข้าใกล้เอามาก ๆ แต่ในฐานะนักเตะคนหนึ่ง คุณแค่ต้องการจะใช้มือของคุณถือถ้วยรางวัลให้มากเท่าที่จะมากได้ มันเป็นเส้นทางที่ยาวนานสู่นัดชิงชนะเลิศลีก คัพ 2012 แต่ผมออกจากเวมบลีย์ในวันนั้นด้วยความพึงพใจอย่างมาก
������� "ถ้าลิเวอร์พูลชนะในวันอาทิตย์นี้ มันจะเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่นักเตะเหล่านี้จะไม่มีวันลืม สนุกกับมันและทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ข้างนอกนั่น"
������� "ผมรักการได้เล่นเกมระดับสูง - ความเป็นอริและนัดชิงบอลถ้วย ผมรู้สึกเสมอว่าผมอยู่ในช่วงที่ดีที่สุดของผม"
������� "ผมเคยเห็นนักเตะที่ดีที่สุดโชว์ฟอร์มได้ดีในการฝึกซ้อมที่ปราศจากความตึงเครียด ปราศจากผู้คนที่กำลังเฝ้าดู แต่เมื่อพวกเขาต้องลงเล่นต่อหน้าคนเต็มอัฒจันทร์ ด้วยความเข้มข้นและแรงกดดัน บางครั้ง พวกเขาก็ดร็อปลงไปในฐานะนักเตะคนหนึ่ง ผมเองเป็นตรงกันข้าม"
������� "ตามปกติ บรรดานักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จะโดดเด่นในเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ตอนนี้ ผมไม่อาจเรียกตัวเองว่าเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ผมก็รู้สึกยอดเยี่ยมเสมอ เมื่อมีโอกาสพิเศษ ผมรู้สึกถึงสิทธิพิเศษที่ได้อยู่ในสนามและพยายามทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเขียนประวัติศาสตร์ให้กับสโมสร"
������� "ผมเล่นทุก ๆ เกม เหมือนกัน ผมมีกิจวัตรเหมือนเดิมในการเตรียมตัวผมเอง : โทรหาครอบครัวก่อนเกม และงีบซักชั่วโมงราว ๆ เที่ยงหากเป็นเกมช่วงค่ำ มันเป็นเหมือนเดิมเสมอ"
������� "ทางร่างกาย ผมเป็นนักเตะที่แข็งแรงมาก แต่ก็ยังเป็นคนที่มั่งมั่นตั้งแต่นาทีแรกจนถึงนาทีสุดท้าย คุณต้องตระหนักว่าการมีสมาธิสำคัญอย่างไรในเกมใหญ่"
������� "ในช่วงเวลาที่คนอื่น ๆ เหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ผมแค่พยายามใช้โอกาสของผมและทำประตูสำคัญ"
������� "มันแค่เกี่ยวกับผลการแข่งขันในท้ายที่สุดเสมอ และผมคิดว่าลิเวอร์พูลจะเตรียมตัวได้ดี ทีมนี้มีประสบการณืมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา และสามารถใช้มันเป้นประโยชน์ได้ที่เวมบลีย์"
������� "มันจะเป็นเกมยากสำหรับเจอร์เก้น คล็อปป์ แน่นอน ที่จะจัด 11 ตัวจริง เพราะความแข็งแกร่งของทีมในเวลานี้ แต่อย่างที่ผมเคยพูดถึงมาก่อน นักเตะทุกคนในทีมในวันแข่งสามารถกลายเป็นฮีโร่ได้"