���� ลิเวอร์พูล ยังโชว์ฟอร์มสุดยอดในการเล่นในแอนฟิลด์ พลิกกลับมาแซงชนะ นอริช ไปแบบสุดมันส์ 3-1 โดยเกมนี้ หลุยส์ ดิอาซ ประเดิมเม็ดแรกให้ต้นสังกัดใหม่ได้สำเร็จ พร้อมกับลูกยิงสุดสวยของ มาเน่ และ ซาลาห์ ช่วย "หงส์แดง" ทำแต้มไล่ แมนฯ ซิตี้ เหลือ 6 คะแนน ในศึกพรีเมียร์ลีก
��� ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2565 ที่สนามแอนฟิลด์ ระหว่าง ลิเวอร์พูล รองจ่าฝูง พบ นอริช ทีมอันดับ 18 ของตาราง
��� ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เกมนี้หมุนเวียนผู้เล่นหลายตำปรับทัพจากเกมล่าสุดถึง 7 ตำแหน่ง ไม่มี ดิโอโก้ โชต้า ที่มีอาการเจ็บ โดยส่ง หลุยส์ ดิอาซ ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงแทน ประสานงานร่วมกับ ซาดิโอ มาเน่ และ โมอาเหม็ด ซาลาห์ ส่วนแดนกลางสลับมาใช้ทั้ง นาบี เกอิต้า และ อเล็กซ์ อ็อกเหลด แชมเบอร์เลน
��� ด้าน นอริช ของ ดีน สมิธ แกนหลักยังอยู่ครบนำโดยสามประสานแนวรุกทั้ง จอช ซาเจนท์, มิล็อต ราชิก้า และ ตีมู ปุ๊คกี้ ลงล่าตาข่าย
��� ครึ่งแรกเล่นมาได้เพียง 15 วินาที นอริช เปิดฉากบุกใส่ทันที และเกือบขึ้นนำก่อนจากจังหวะที่ แม็กซ์ แอรอนส์ ตั้งป้อมเปิดเข้าเขตโทษแต่บอลผิดเหลี่ยมพุ่งเข้าหาประตูทำให้ อลิสซอน ต้องปัดทิ้งออกหลัง
��� หลังจากนั้นนาทีที่ 2 ลิเวอร์พูล สวนกลับมาบอลมาถึง โม ซาลาห์ แต่งเข้าซ้ายแล้วกดในเขตโทษแต่บอลเหินข้ามคาน
��� นาทีที่ 3 นอริช บุกขึ้นมาอีกชุดคราวนี้เป็น มิล็อต ราชิก้า หลุดเดี่ยวก่อนจะยิงผ่านมือ อลิสซอน เข้าประตูไป แต่ผู้ช่วยยกธงเป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
��� เกมเปิดหน้าแลกกันสนุก นาทีที่ 5 ลิเวอร์พูล หวิดขึ้นนำอีกหน ซาลาห์ ตักบอลไปที่เสาไกลให้ คอตตาส ซิมิคาส สอดมาซัดจ่อๆไม่กี่หลาแต่บอลข้ามคานไปแบบน่าเสียดาย
��� จากนั้นนาที 14 เจ้าถิ่นหวิดนำอีกครั้ง ซาดิโอ มาเน่ เปิดเข้าเขตโทษให้ เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ขึ้นโหม่งจ่อๆ แองกัส กันน์ ต้องออกแรงพุ่งปัดทิ้งออกไปได้
��� นาทีถัดมากลายเป็น นอริช ที่ได้โอกาสทองเมื่อ ตีมู ปุ๊กกี้ หลุดเดี่ยวมากดด้วยซ้ายบอลพุ่งหลุดเสาไกลออกไปนิดเดียว
��� นาที 16 หลุยส์ ดิอาซ ได้บอลได้เขตโทษแล้วลากมาปั่นด้วยขวาเน้นๆบอลเหินข้ามคานไปหวุดหวิด
��� เกมผ่านครึ่งชั่วโมงเป็น ลิเวอร์พูล ที่ครองบอลเหนือกว่าชัดเจนที่ 67 - 33 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังเจาะเกมรับ นอริช เข้าไปทำประตูไม่ได้
��� จากนั้นนาทีที่ 37 ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นอีกหน ดิอาซ ไหลบอลให้ ซิมิคาส สอดเข้ากดด้วยซ้ายในเขตโทษ กันน์ พุ่งปัดออกหลัง
��� นาทีถัดมา เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค หลุดเดี่ยวมาซัดส่งบอลตุงตาข่าย แต่ผู้ช่วยยกธงเป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน
��� ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ยังเสมอ นอริข 0-0
��� ครึ่งหลังเล่นมาได้เพียง 3 นาที นอริช ทำช็อกเจ้าถิ่นพลิกขึ้นนำ 1-0 มิล็อต ราชิก้า ลากมากดด้วยขวาหน้าเขตโทษบอลไปแฉลบบล็อก โฌแอล มาติป เปลี่ยนทางเข้าประตูไป
��� หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล แก้เกมส่งทั้ง ติอาโก้ อัลกันตาร่า และ ดิว็อค โอริกี้ ลงมาเล่นแทน อเล็กซ์ อ็อกเหลด แชมเบอร์เลน และ นาบี้ เกอิต้า ในนาที 62
���� ลิเวอร์พูล ที่เปิดฉากบุกใส่อย่างหนัก จนนาที 64 มาได้ประตูตามตีเสมอเป็น 1-1 จากจังหวะที่ ซิมิคาส เปิดมาที่หน้าปากประตูให้ มาเน่ จักรยานอากาศส่งบอลเข้าประตูไปอย่างงามหยด
��� เท่านั้นไม่พอ นาที 67 ลิเวอร์พูล แซงนำ 2-1 จากจังหวะที่ อลิสซอน วางบอลจากหน้าปากประตูมาถึง โม ซาลาห์ โซโล่หลบแนวรับ นอริช และ แองกัส กันน์ ที่ออกมาบนเส้นเขตโทษ ก่อนจะหลอกยิงด้วยขวาเข้าไปอย่างเหนือชั้น
��� "หงส์แดง" ยังบุกใส่ต่อเนื่องและเกือบได้ลูกสามในนาทีที่ 72 โม ซาลาห์ ลากตัดเข้าซ้ายแล้วปั่นเน้นๆ บอลหลุดเสาไกลออกไปนิดเดียว
��� จากนั้นนาทีที่ 81 ลิเวอร์พูล หนีห่างเป็น 3-1 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แทงทะลุช่องให้ หลุยส์ ดิอาซ รับบอลก่อนลากเข้าเขตโทษไปชิพบอลผ่าน แองกัส กันน์ เข้าประตูไปอย่างสวยงาม��
��� เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม ลิเวอเร์พูล เอาชนะ นอริช 3-1
��� รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
��� ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - โจ โกเมซ, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, คอสตาส ซิมิคาส - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, นาบี เกอิต้า (ดิว็อค โอริกี้ น.62), อเล็กซ์ อ็อกเหลด แชมเบอร์เลน (ติอาโก้ อัลกันตาร่า น.62) - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, หลุยส์ ดิอาซ, ซาดิโอ มาเน่
��� นอริช ซิตี้ (4-3-3) : แองกัส กันน์ - แม็กซ์ แอรอนส์, แกรนท์ แฮนลี่ย์, เบน กิ๊บสัน, แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ - บิลลี่ กิลมอร์, มัทธิอัส นอร์แมน, เคนนี่ แม็คลีน - จอช ซาเจนท์, ตีมู ปุ๊คกี้, มิล็อต ราชิก้า