��� ฟาบินโญ่ เป็นฮีโร่กดประตูชัยพา ลิเวอร์พูล บุกเฉือน เบิร์นลีย์ หวุดหวิดในวันที่รูปเกมไม่ได้เหนือกว่าเจ้าถิ่นสักเท่าไหร่ ส่งผลให้ "หงส์แดง" คว้าชัย 4 นัดรวดในลีกมีแต้มตาม แมนฯ ซฺตี้ จ่าฝูง 9 คะแนนแต่แข่งน้อยกว่าหนึ่งนัด ในศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา
��� ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ที่สนาม เทิร์ฟ มัวร์ ระหว่าง เบิร์นลีย์ บ๊วยของตาราง พบ ลิเวอร์พูล รองจ่าฝูง
��� เบิร์นลี่ย์ เสมอมา 3 เกมติดต่อกันในลีกหลังเปิดบ้านเสมอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1 ในเกมลีกนัดล่าสุด โดยเกมนี้ ฌอน ไดซ์ จัดคู่หน้าอย่าง วูท เว็กฮอร์สต์ จับคู่ล่าตาข่ายกับ เจย์ โรดริเกซ
��� ด้าน ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กลับมาใช้ 3 ประสานแดนหน้าอย่าง ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ประสานงานร่วมกัน โดยที่ดร็อป ดิโอโก้ โชต้า และ หลุยส์ ดิอาซ ไว้ที่ม้านั่งสำรองไปก่อน
��� ครึ่งแรกเกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 12 กลายเป็น เบิร์นลีย์ ที่มีโอกาสทักทายก่อนเมื่อ วูท เว็กฮอร์สต์ ไหลย้อนคืนมาที่หน้าเขตโทษให้ มักซ์เวล กอร์กเน่ต์ วิ่งมากดด้วยซ้ายบอลหลุดกรอบไปนิดเดียว แต่จังหวะนี้ผู้ช่วยยกธงเป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
��� จากนั้นเจ้าถิ่นยังเดินเกมบุกใส่ต่อเนื่อง และมาได้ลุ้นขึ้นนำในนาที 14 จอช บราวน์ฮิลล์ ลองกดด้วยขวานอกกรอบ อลิสซอนเบ็คเกอร์� ต้องปัดทิ้งออกหลังไปก่อน
��� เกมรุกของ ลิเวอร์พูล ดูช็อตไปดื้อ ก่อนที่ นาที 17 ยังเป็น เบิร์นลีย์ ที่ได้ลุ้นอีกครั้ง มักซ์เวล กอร์กเน่ต์ ได้บอลในเขตโทษจับก่อนหนึ่งจังหวะแล้วตวัดยิงด้วยขวาบอลยังพุ่งไปตรงตัว อลิสซอนรับสบาย
��� จนนาทีที่ 21 ลิเวอร์พูล จะมาได้โอกาสใกล้เคียงขึ้นนำจากจังหวะสวนกลับเร็ว ซาดิโอ มาเน่ หลุดไปถึงสุดเส้นหลังแล้วไหลบอลให้ นาบี เกอิเต้ วิ่งมาหวดเต็มข้อ นิค โป๊ป ต้องออกแรงปัดออกหลังไป
���
��� นาทีที่ 29 เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดฟรีคิกมาท่เสาไกลให้ ซาดิโอ มาเน่ หลุดมาซัดระยะเผาขนก็ยังติดเซฟ นิค โป๊ป
��� จนกระทั่งนาทีที่ 40 ลิเวอร์พูล ขึ้นนำสำเร็จ 1-0 จากจังหวะเตะมุมทางฝั่งซ้าย เทรนต์ เปิดมาเข้าทาง มาเน่ โหม่งเปลี่ยนทางบอลกระดอนมาเข้าทาง ฟาบินโญ่ ตามซ้ำดาบสองจ่อๆส่งบอลตุงตาข่าย
��� ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไมได้ ทำให้จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำ เบิร์นลีย์ 1-0
��� ครึ่งหลังเปิดฉากมาเป็น เบิร์นลีย์ ที่เริ่มต้นอย่างคึกคัก และมาได้ลุ้นตีเสมอในนาที 51 จากจังหวะเตะมุมทางฝั่งซ้ายบอลมาเข้าหัว เบน มี ขึ้นโขกเต็มๆแต่โดนเหลี่ยมไม่ดีหลุดกรอบออกไป
��� ลิเวอร์พูล เปลี่ยนตัวคนแรกส่ง ติอาโก้ อัลกันทาร่า ลงมาเล่นแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในนาทีที่ 59�
��� จากนั้นนาที 63 ยังเป็นโอกาสลุ้นของ เบิร์นลีย์ วูท เว็กฮอร์สต์ ลากบอลมากดด้วยขวาเต็มข้อหน้าเขตโทษแต่วิถียังพุ่งเข้าหา อลีสซง
��� ลิเวอร์พูล นานๆจะได้โอกาสโต้กลับมา นาที 80 เกือบจะนำห่างสองประตูเมื่อ ฟาบินโญ่ ตักบอลเข้าเขตโทษให้ เทรนต์ ก่อนที่จะจ่ายย้อนเข้ากลางไปติดบล็อก เบน มี ที่เกือบจะเคลียร์บอลเข้าประตูตัวเองเฉียดเสาออกไปนิดเดียว
��� ช่วงท้ายเกมนาที 86 ลิเวอร์พูล ทิ้งโอกาสทองไปอีกครั้ง โม ซาลาห์ ไหลบอลถวายพานไปให้ โชต้า ตัวสำรองได้ซัดด้วยขวาเน้นๆ แต่ เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ ตามมาบล็อกได้ทันบอลหลุดเสาแรกออกไป
��� เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม ลิเวอร์พูล บุกชนะ เบิร์นลีย์ 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 54 แต้มตาม แมนฯ ซิตี้ 9 คะแนนแต่แข่งน้อยกว่าหนึ่งนัด ส่วน เบิร์นลีย์ ยังจมบ๊วยของตาราง มี 14 แต้ม
����
���� รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
������� เบิร์นลี่ย์ (4-4-2) : นิค โป๊ป - คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, เบน มี, เอริก ปีเตอร์ส - อารอน เลนน่อน, แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด, จอช บราวน์ฮิลล์, มักซ์เวล กอร์กเน่ต์ - วูท เว็กฮอร์สต์ (แอชลีย์ บาร์นส์ น.75), เจย์ โรดริเกซ (ดไวท์ แม็คนีล น.62)
����� ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌเอล มาติ๊ป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - นาบี เกอิต้า, ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ติอาโก้ อัลกันทาร่า น.59) - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่ (ดิโอโก้ โชต้า น.67)