���� แม้จะไร้ โม ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ แต่ ลิเวอร์พูล ยังโชว์ฟอร์มแกร่งไล่ถล่ม เบรนท์ฟอร์ด 3-0 คว้า 3 แต้มสำคัญขยับแซง เชลซี ขึ้นมายึดรองฝูงได้สำเร็จ โดยเกมนี้ ทาคูมิ มินามิโนะ ลงสำรองก่อนซัดปิดกล่อง ทำให้ "หงส์แดง" มีแต้มห่างจาก แมนฯ ซิตี้ จ่าฝูงเหลือ 11 คะแนน แต่แข่งน้อยกว่าหนึ่งนัด ในศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา
��� ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม 2564 ที่สนาม แอนฟิลด์ ระหว่าง ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 3 พบ เบรนท์ฟอร์ด ทีมอันดับ 13 ของตาราง
��� ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เกมนี้ไม่มีทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ที่บินไปกรำศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ โดยสามประสานแนวรุกส่ง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และ ดิโอโก้ โชต้า ประสานงานร่วมกัน ขณะที่ เบรนท์ฟอร์ด ของ โธมัส แฟร้งค์ ส่งคู่หน้าตัวเก่งอย่าง อิวาน โทนีย์ และ บริย็อง เอ็มเบอโม่ ลงล่าตาข่ายร่วมกัน
��� เปิดฉากครึ่งแรกมาเป็น ลิเวอร์พูล ที่ขึงบุกใส่ได้ได้ก่อน และมีโอกาสทักทายครั้งแรกในนาทีที่ 9 จากจังหวะเตะมุมทางฝั่งซ้ายบอลชุลมุนในเขตโทษมาเข้าทาง ดิโอโก้ โชต้า ที่ได้ซํดจ่อๆแต่ไปติดบล็อกแนวรับ เบรนท์ฟอร์ด ออกหลังไป
��� "หงส์แดง" ยังเดินหน้ากดดันอยู่ฝ่ายเดียว นาทีที 11 อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ตักบอลเข้าเขตโทษให้ โชต้า ขึ้นโหม่งเน้นๆแต่บอลไม่ตรงกรอบ
��� จากนั้นนาที 14 อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เบิ้ลย้อนคืนให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จับก่อนหนึ่งจังหวะแล้วซัดหน้าเขตโทษบอลเหินข้ามคานไปนิดเดียว
��� โอกาสใกล้เคียงของ ลิเอวร์พูล เกิดขึ้นอีกครั้งในนาที 22 จากจังวหวะเตะมุมทางฝั่งขวาบอลไปเข้าทางของ เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ได้ซัดด้วยซ้ายเน้นๆ แต่ อัลบาโร่ เฟร์นานเดซ ยังใช้เข่าเซฟเอาไว้ได้หวุดหวิด
��� เบรนท์ฟอร์ด มีโอกาสโต้กลับมาบ้าง และได้โอกาสลุ้นครั้งแรกในนาที 32 จากลูกยิงนอกกรอบของ วิตาลี่ ยาเนลท์ แต่บอลเหินข้ามคานไปไกล
��� ถัดมานาที 39 เบรนท์ฟอร์ด ได้ลุ้นพลิกขึ้นนำเมื่อ โฌแอล มาติป พลาดจ่ายบอลไปเข้าทาง อิวาน โทนี่ย์ ก่อนจะกดเรียดหน้าเขตโทษบอลพุ่งหลุดเสาแรกไปนิดเดียว
��� จนกระทั่ง นาที 44 ความพยายามของ ลิเวอร์พูล ก็มาสัมฤทธิ์ผลขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะเตะมุมทางฝั่งซ้าย เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดแล้วบอลกระดอนมาที่เสาไกลถึง ฟาบินโญ่ สอดมาโหม่งจ่อๆส่งบอลตุงตาข่าย
��� หลังจากนั้นไม่มีประตูเพิ่ม จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ เบรนท์ฟอร์ด 1-0
��� ครึ่งหลัง นาที 50 ฟาบินโญ่ ได้ลุ้นประตูที่สองของตัวเองจากจังหวะที่เก็บตกได้ที่หน้าเขตโทษแล้วซัดเต็มข้อด้วยขวาแต่ไม่ผ่าานมือของ อัลบาโร่ เฟร์นานเดซ
��� เบรนท์ฟอร์ด เปิดเกมบุกมากขึ้น และเกือบตามตีเสมอในนาที 58 คริสเตียน นอร์การ์ด จ่ายบอลยัดมาที่หน้าเขตโทษให้ บริย็อง เอ็มเบอโม่ แต่งเข้าซ้ายแล้วปั่นเน้นๆบอลหลุดเสาออกไปนิดเดียว
��� จากนั้น นาที 62 ลิเวอร์พูล เกือบได้ลูกสอง อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ไหลบอลให้ โชต้า ได้กดเน้นๆในเขตโทษบอลพุ่งไปชนเสา กระดอนมาเข้าทางปืนของ ฟีร์มีโน่ ตามซ้ำดาบสองก็ยังไปเข้ามือ อัลบาโร่ เฟร์นานเดซ
��� ลิเวอร์พูล ได้โอกาสทองที่จะนำห่างอีกครั้ง ในนาที 67 เมื่อ ฟีร์มีโน่ แทงทะลุช่องให้ ดิโอโก้ โชต้า หลุดเดี่ยวแล้วแปด้วยซ้ายไปติดเซฟบริเวณใบหน้าของ อัลบาโร่ เฟร์นานเดซ�
��� จนกระทั่งนาที 69 ลิเวอร์พูล นำห่าง 2-0 จนได้ จากจังหวะการเปิดของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ครอสไปที่เสาไกลบอลไปถึง แชมเบอร์เลน พุ่งโขกตุงตาข่าย
��� เท่านั้นไม่พอ นาที 77 สกอร์หนีเป็น 3-0 อัลบาโร่ เฟร์นานเดซ ออกบอลจากหน้าปากประตูพลาดก่อนจะโดน ฟีร์มีโน่ ฉกบอลแล้วจ่ายต่อให้ ทาคูมิ มินามิโนะ ตัวสำรอง ซัดโล่งๆเข้าประตูไปแบบง่ายๆ
��� เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม ลิเวอร์พูล ถล่ม เบรนท์ฟอร์ด 3-0
��� รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
��� ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, เคอร์ติส โจนส์ - ดิโอโก้ โชต้า, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน
��� เบรนท์ฟอร์ด (3-5-2) : อัลบาโร่ เฟร์นานเดซ - คริสตอฟเฟอร์ อาเยอร์, ปอนตุส ยานส์สัน, อีธาน พินน็อค - มาดส์ โรเออร์สเลฟ ราสมุสเซ่น, วิตาลี่ ยาเนลท์, คริสเตียน นอร์การ์ด, แชนดอน แบ็ปติสต์, ริโก้ เฮนรี่ - บริย็อง เอ็มเบอโม่, อิวาน โทนี่ย์