���� "หงส์แดง" ของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เสียหน้าไม่น้อยหลังบุกพ่าย "สุนัขจิ้งจอก" 1-0 โดยเกมนี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พลาดจุดโทษพาทีมสะดุดไร้ชัย 2 เกมติดหยุดอยู่ที่ 41 คะแนนแม้รั้งรองจ่าฝูงแต่โดน "เรือใบสีฟ้า" ทิ้งห่างเป็น 6 คะแนนแล้ว ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันอังคารที่ผ่านมา
������ สนาม : คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม
��� เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เทรนเนอร์เลสเตอร์ พาทีมแพ้แมนฯ ซิตี้เละเทะ 3-6 ในเกมล่าสุด เป็นการแพ้ 2 นัดติด
��� ทางด้าน เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือลิเวอร์พูล พาทีมเสมอสเปอร์ส 2-2 ในเกมลีกล่าสุด ก่อนชนะจุดโทษเลสเตอร์ ในลีก คัพ ส่วนเกมกับลีดส์ ยูไนเต็ด เมื่อวันบ็อกซิ่ง เดย์ มีอันต้องเลื่อนไป จากสถานการณ์โควิด
��� เปิดฉากครึ่งแรก 5 นาทีเป็น "สุนัขจิ้งจอก" ทักทายก่อนจากจังหวะหน้าเขตโทษของ เจมส์ แมดดิสัน เก็บบอลได้ช่องป้ายย้อนตั้งให้ บูบาการี่ ซูมาเร่ ตามมาตั้งเท้าแปด้วยขวาเหินข้ามคานออกไปไกล
��� 3 นาทีต่อมา "หงส์แดง" ตอบโต้บ้าง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ครอสบอลเข้ากรอบ 6 หลาติดหัว ดาเนียล อมาร์ตีย์ โขกสกัดย้อนมาเข้าทาง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน หวดสวนตูมเดียวข้ามคานเหมือนกัน
��� แต่แล้วนาทีที่ 14 ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสทองจากความผิดพลาดของ วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ เสียเหลี่ยมเลาะข้อเท้า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ร่วงในเขตโทษ ผู้ตัดสิน ไม่รอช้าชี้เป็นจุดโทษเสียดาย ซาลาห์ ซัดไปติดเซฟ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ล้มตัวตบทิ้งลอยมาเข้าทาง ซาลาห์ โขกซ้ำไปชนคานเด้งออกมา
��� นาทีที่ 23 จากบอลหน้าเขตโทษของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ตักย้อยเข้ากรอบ 6 หลาข้ามหัว จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กระดอนพื้นหวิดเบียดโคนเสาแรกแต่ยังไม่ผ่าน แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ตบทิ้งออกมานิดเดียว
��� ต่อมานาทีที่ 32 จากจังหวะทำชิ่งสุดสวย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ยกบอลเข้าเขตโทษแนวรับ เลสเตอร์ สกัดไม่ดีกลายเป็นตั้งให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซัดด้วยซ้ายติดปลายมือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผวาปัดทิ้งเหลือเชื่อ
��� ท้ายครึ่งแรก เจ้าถิ่น สวนกลับเกือบมีหมัดน็อคจากจังหวะซัดของ เจมี่ วาร์ดี้ และ เจมส์ แมดดิสัน แต่ต้องชมแนวรับ ลิเวอร์พูล ตามมาช่วนกันบล็อคทิ้งออกมายังไม่ถึงมือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ต้องออกแรงเซฟ
��� หมดครึ่งเวลาแรก เลสเตอร์ 0 ลิเวอร์พูล 0
��� เปิดฉากครึ่งหลัง 10 นาที "หงส์แดง" ที่ครองบอลลุยต่อเนื่องออกหมัดก่อนคราวนี้ ดิโอโก้ โชต้า ฝากเข้าเขตโทษให้ ซาดิโอ มาเน่ มุดเข้ามาได้ช่องตะบันก็ยังไม่ดีเหินข้ามคานออกไปเหมือนเดิม
��� นาทีที่ 59 "สุนัขจิ้งจอก" ทะยานออกนำ 1-0 จากจังหวะประสานงานทางซ้าย เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์ ฝากตามช่องให้ อเดโมล่า ลุคแมน สอดมารับแตะเข้าเขตโทษโยกเข้าในล้มตัวหวดด้วยขวายัดเสาแรกไม่เหลือ
��� ท้ายเกมนาทีที่ 80 ลิเวอร์พูล หวิดตามตีเสมอจากลูกเตะมุมทางฝั่งขวาบอลโค้งลึกมาเสาไกลถึง ดิโอโก้ โชต้า ขึ้นโขกตัดหน้า ติโมธี คาสตาญ เสียดายโดนไม่เต็มผ่านหน้าประตูหลุดเสาไกลออกหลัง
��� 6 นาทีต่อมา "หงส์แดง" โหมหนักคราวนี้เป็น เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค เก็บตกบอลในเขตโทษได้ช่องอัดด้วยขวาหนีบล็อค เจมี่ วาร์ดี้ หวิดเบียดเสาแรกติดเท้า แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ทิ้งตัวเซฟไว้ได้นิดเดียว
��� หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม เลสเตอร์ 1 ลิเวอร์พูล 0
รายชื่อนักเตะที่ลงสนามตัวจริง
���
��� เลสเตอร์ (4-3-1-2) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล - ติโมธี คาสตาญ, วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, ดาเนียล อมาร์ตีย์, ลุค โธมัส - ฮัมซ่า เชาดรี้ (อเดโมล่า ลุคแมน น.56), บูบาการี่ ซูมาเร่, เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์ - เจมส์ แมดดิสัน (มาร์ค อัลไบรท์ตัน น.68) - เจมี่ วาร์ดี้, เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ (ยูริ ติเลอมองส์ น.56)
�ผู้จัดการทีม : เบรนแดน ร็อดเจอร์ส
��� ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, คอสตาส ซิมิคาส) - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ น.70), ฟาบินโญ่ (เจมส์ มิลเนอร์ น.64), อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (นาบี เกอิต้า น.55) - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิโอโก้ โชต้า, ซาดิโอ มาเน่
���� ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์
����� ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์�