������ ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก พร้อมฟาดแข้งฝ่าวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กันต่อไปตามเดิมในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หลังมีการลงมติกันทั้ง 20 สโมสรเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 20 ธ.ค. แต่พร้อมพิจารณากันอีกยกในอีกสองสัปดาห์หากว่าสถานการณ์ยังบานปลายไม่เลิก
���������� ท่ามกลางความหวาดผวาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในอังกฤษซึ่งทำให้มีผู้ติดเชื้อมากขึ้น รวมถึงนักเตะของหลายสโมสรด้วย และส่งผลให้เกมการแข่งขันถูกเลื่อนออกไปหลายคู่ โดยเฉพาะในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจากโปรแกรม 10 คู่มีการประกาศเลื่อนเกมออกไปมากถึง 6 คู่
���������� ต่อกรณีดังกล่าว ส่งผลให้ พรีเมียร์ลีก ตัดสินใจระดมสมองหาทางออกด้วยการเรียกประชุมตัวแทน และผู้ถือหุ้นใหญ่ของทั้ง 20 ทีมเมื่อวันจันทร์ที่ 20 ธ.ค. ผ่านระบบซูมเพื่อลงความเห็นว่าสมควรเลื่อนเกมในช่วงปลายปีนี้ออกไปก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่นักเตะ และผู้เกี่ยวข้องจะได้รับเชื้อเพิ่ม หรือว่าจะแข่งกันต่อเนื่องจากโปรแกรมการแข่งขันอยู่ในช่วงชุกชุมซึ่งหากมีการเลื่อนเกมออกไปก็น่าจะยากต่อการจัดวางโปรแกรมกันใหม่
���������� จนในที่สุด หลังจากทั้ง 20 สโมสรถกกันเป็นที่เรียบร้อย ปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ยืนยันที่จะให้มีการแข่งขันกันต่อไปตามปกติโดยไม่เลื่อนโปรแกรม แต่จะมีมาตรการที่รัดกุมเพื่อความปลิดภัยของทุกฝ่าย แม้ถึงขณะนี้การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธ์โอมิครอนกำลังเล่นงานเมืองผู้ดีอย่างหนัก
���������� ต่อประเด็นดังกล่าว พรีเมียร์ลีก มีข้อกำหนดว่าการเปลี่ยนแปลงกฏเกณฑ์ทุกเรื่องของลีกจะต้องมีเสียงสนับสนุนของทีมสมาชิกเห็นพ้องเกินกว่า 14 จาก 20 สโมสรจึงจะสามารถอนุมัติการเปลี่ยนแปลงได้ และเป็นอันว่าเสียงส่วนใหญ่ต้องการให้เกมการแข่งขันฟาดเกือกกันต่อไปตามปกติ
���������� อย่างไรก็ดี นอกจากฟุตบอล พรีเมียร์ลีก แล้ว หลายทีมจะต้องลงเล่นถ้วย คาราบาวคัพ ด้วยเช่นกันโดยการแข่งขันรอบแปดทีมสุดท้ายจะระเบิดขึ้นในสัปดาห์นี้ และจะต่อด้วยศึก พรีเมียร์ลีก ในวันที่ 26-27 ธ.ค. ตลอดจนเกมวันที่ 28-30 ธ.ค. และวันที่ 1-3 ม.ค. ก่อนจะมีเกม เอฟเอคัพ รอบสามฟาดแข้งตามมาอีก
���������� ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาสโมสรใน พรีเมียร์ลีก ที่ประสบกับปัญการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในทีมประกอบไปด้วย แมนฯ ยูไนเต็ด , เลสเตอร์ , แอสตัน วิลล่า , เชลซี และ ลิเวอร์พูล ตลอดจนทีมระดับล่างของตารางอีกหลายสโมสรซึ่งทำให้ส่วนใหญ่ส่งชื่อตัวสำรองลงเล่นไม่ครบแปดคนตามโควต้าเนื่องจากนักเตะหลายรายต้องเข้ารับการกักตัว
���������� ด้าน สเปอร์ส ซึ่งถูกเชื้อโควิด-19 เล่นงานอย่างหนักเป็นทีมแรกๆใน พรีเมียร์ลีก และต้องเลื่อนเกมออกไปหลายเกมนานถึงสองสัปดาห์สามารถกลับมาลงสนามได้เป็นเกมแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 ธ.ค. ทำศึก พรีเมียร์ลีก นัดเปิดบ้านเสมอกับ ลิเวอร์พูล 2-2 หลังจากเมื่อช่วงต้นปี ทีม ไก่เดือยทอง ของกุนซือ อันโตนิโอ คอนเต้ ปราศจากนักเตะไปอย่างน้อยแปดรายจากการติดเชื้อโควิด-19
���������� รายงานข่าวแจ้งว่าที่ประชุมเห็นพ้องว่าหากสโมสรไหนที่มีนักเตะในทีมชุดใหญ่ติดเชื้อหลายราย พวกเขาก็น่าจะต้องส่งนักเตะชุดยู 21 ที่มีสิทธิ์ลงเล่นได้ทำหน้าที่แทน และรวมถึงขุนพลชุดยู 23 ด้วยโดยมีการกำหนดกฏกติกาเอาไว้ว่าเกมสามารถดำเนินต่อไปได้หากแต่ละสโมสรมีนักเตะมากพอเป็นจำนวน 13 ราย บวกกับนายทวารอีกราย
���������� พร้อมกันนี้ ยังมีการแจ้งว่า เอฟเอ ตอบตกลงที่จะปรับระบบการฟาดแข้งถ้วยน็อคเอาท์โดยจะไม่มีเกมรีเพลย์แม็ตช์ในรอบสาม และรอบสี่เพื่อลดโปรแกรมที่อาจเพิ่มขึ้นลงไป ขณะที่ศึก คาราบาวคัพ รอบตัดเชือกก็จะลดลงเหลือเกมเดียวเท่านั้น
���������� ขณะเดียวกัน เดลี่ เมล ได้เผยว่าแม้จะมีการลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ไม่หยุดการแข่งขันโดยเชื่อว่า ลิเวอร์พูล น่าจะเป็นหนึ่งในเสียงส่วนน้อยที่เสนอให้เลื่อนเกมในช่วงนี้ออกไป แต่หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น พรีเมียร์ลีก ก็จะมีการทบทวนกันอีกครั้งในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้าเพื่อหาทางรับมือกับปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19