�������� ลิเวอร์พูล เครื่องสะดุดหลังบุกไปทำได้เพียงแค่เสมอ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-2 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยแมตช์นี้ "หงส์แดง" ต้องเล่นกันแค่ 10 คนเกือบ 20 นาทีเมื่อ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน โดนใบแดงจากการฟาวล์อย่างรุนแรง ขณะที่เจ้าบ้านได้ประตูตีเสมอจากความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวของ อลิสซอน เบ็คเกอร์ นายทวารชาวบราซิเลียน โดยผลการแข่งขันแบบนี้ทำให้ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3 คะแนน
�������� สนาม : ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม
��� ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 2564 ที่สนามท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม ลิเวอร์พูล มีคิวบุก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ โดยแมตช์นี้ "หงส์แดง" ต้องคว้าสามแต้มให้ได้เพื่อไล่กดดัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงที่เพิ่งไล่ต้อน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด สบายเกือก 4-0
��� รองจ่าฝูงมาเยือน "ไก่เดือยทอง" ด้วยสภาพที่ไม่ค่อยฟูลทีมเมื่อต้องขาด ติอาโก้ อัลกันทาร่า เนื่องจากติดโควิด-19 อีกราย ขณะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มีอาการป่วย ส่วนที่เซอร์ไพรส์ก็คือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจส่ง� ไทเลอร์ มอร์ตัน ดาวรุ่งลงตัวจริง
��� ด้านเจ้าบ้านแนวรุกที่ไม่ได้ลงสนามมานานถึง 2 สัปดาห์เนื่องจากมีปัญหาโควิดระบาดหนักในแคมมป์ แมตช์นี้พวกเขาได้ ซน ฮึง มิน และ แฮร์รี่ เคน ได้ลงทำหน้าที่กระซวกตาข่าย ส่วน เดเล่ อัลลี่ ได้โอกาสลงตัวจริงเกมแรกในยุคกุนซืออันโตนิโอ คอนเต้
��� เริ่มเกมได้เพียงแค่ 2 นาที เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มีโอกาสได้เปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ได้โหม่งโล่งๆ บริเวณจุดโทษแต่น่าเสียดายที่ดันโขกออกไปหน้าตาเฉย
��� เจ้าบ้านพยายามดันเกมสู้และในนาทีที่ 5 ก็มีลุ้นเมื่อ ไรอัน แซสเซยอง ได้หลุดเข้าไปเปิดบอลบริเวณริมเส้นแต่โดน อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ บล็อกได้อย่างหวุดหวิดทำให้ สเปอร์ส ได้เตะมุมครั้งแรกแต่ก็ไม่มีอะไรอันตรายจากจังหวะเตะมุมครั้งนี้
��� จากนั้น อาร์โนลด์ มีโอกาสได้ซัดบอลเต็มคอด้วยเท้าซ้ายบริเวณกรอบเขตโทษบอลพุ่งแหวกอากาศแต่โดน อูโก้ โยริส ปัดออกไปได้อย่างหวุดหวิด เพียงไม่กี่นาทีเจ้าบ้านตอบโต้กลับโดย เอเมอร์สัน แทงบอลให้ แฮร์รี่ เคน แต่น่าเสียดายที่สัมผัสแรกของเขาไม่ค่อยดีก็เลยพลาดยิงประตู
��� อย่างไรก็ตามในนาทีที่ 13 เจ้าบ้านได้เฮลั่นสนามเมื่อ ต็องกี เอ็นดอมเบเล่ แทงบอลให้ เคน หลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนจะซัดอย่างเฉียบคมผ่านมือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ส่งให้ สเปอร์ส ขึ้นนำไปก่อน 1-0
��� จากนั้นอีกสองนาที "ไก่เดือยทอง" เกือบได้กะพือปีกอีกครั้งเมื่อ "อาซน" หลุดเดี่ยวเกือบครึ่งสนาม แต่สุดท้ายโดน อลิสซอน พุ่งตะปบบอลได้จากเท้าอย่างหวุดหวิด ต่อมาในนาทีที่ 19 เคน โดนใบเหลืองจากการเข้าเสียบสกัดอย่างรุนแรงใส่ โรเบิร์ตสัน
��� "หงส์แดง" มีลุ้นตีเสมอในนาทีที่ 23 เมื่อ นาบี เกอิต้า มีโอกาสซัดไกลบริเวณกรอบเขตโทษบอลพุ่งเรียดพื้นตรงดิ่งไปบริเวณเสาไกล แต่ โยริส ไม่เผลอพุ่งปัดออกไปได้อย่างหวุดหวิด
��� ในนาทีที่ 29 สเปอร์ส พลาดโอกาสได้ประตูที่สองอย่างน่าเหลือเชื่อเมื่อ ซน ฮึง-มิน ได้บอลกระชากเข้าไปถึงกรอบเขตโทษทีมเยือนก่อนจะดึงจังหวะรอ
��� เพื่อนเติม และส่งให้ เดเล่ อัลลี่ ที่มีโอกาสโล่งๆ ได้ซัดเต็มแรง แต่งานนี้ อลิสซอน โชว์ซูเปอร์เซฟปัดบอลออกไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
�เมื่อมีโอกาสทำไม่ได้ก็ต้องโดนลงทัณฑ์ โดยในนาทีที่ 34 มาเน่ มีโอกาสเปิดบอลเรียดเข้าไปในเขตโทษแต่นักเตะสเปอร์สสกัดไม่ขาด โดย โรเบิร์ตสัน วิ่งทะลุเข้ามาแย่งบอลและกระชากไปจนถึงเส้นหลังก่อนเปิดให้ ดีโอโก้ โชต้า โขกบอลเข้าประตูไปอย่างงดงาม ส่งให้ทีมเยือนตามตีเสมอ 1-1
��� เกมนี้ค่อนข้างเดือดจนทะลักไปถึงข้างสนามโดย ในนาทีที่ 39 คล็อปป์ โดนใบเหลืองหลังไปโวยวายใส่กรรมการกรณีที่ไม่ให้จุดโทษ โชต้า ที่โดน เอ็นดอมเบเล่ ผลักล้มในเขตโทษ�
��� ทีมเยือนยังคงเดินหน้าเพื่อหวังประตูที่สองให้ได้ และเกือบทำสำเร็จในนาทีที่ 42 เมื่อ มาเน่ เปิดบอลข้ามฝากไปทางขวา และ เทรนต์ มีโอกาสตะบันเต็มข้อด้วยเท้าข้างถนัดแต่ไปติดขาของ โยริส กระดอนออกข้าง
��� ขณะที่เจ้าเกือบได้ประตูเช่นกันในช่วงนาทีสุดท้ายทดเจ็บครึ่งแรก เมื่อ แซสเซยอง กระชากบอลจะถึงเส้นหลังก่อนจะตลบกลับมาให้ เคน ที่ได้ยิงโล่งๆ
ระยะไม่กี่หลา แต่ดันซัดไปติดบล็อก มาติป อย่างหวุดหวิด
�� จบครึ่งเวลาแรก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1 ลิเวอร์พูล 1
�
��� เปิดฉากครึ่งหลังแค่นาทีกว่าๆ "หนุ่มเทรนต์" มีโอกาสเปิดลูกฟรีคิกระยะกว่า 40 หลาบอลพุ่งไปหน้าประตู และ โชต้า ได้ขึ้นโขกบอลลอยห่างออกจากเสาไปแค่นิดเดียวทำเอาแฟนบอลเจ้าบ้านถึงกับโล่งอก
��� ทั้งสองทีมเปิดฉากแลกหมัดกันตลอดแต่ยังไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำ จนกระทั่งนาทีที่ 54 สเปอร์สมีโอกาสทองฝังเพชรเมื่อ อัลลี่ หลุดกับดักเช็คล้ำหน้าเข้าไปในเขตโทษและแตะบอลให้ เคน แต่ อลิสซอน ยังเหนียวหนึบพุ่งเข้ามาบล็อกจังหวะยิงได้ทัน จากนั้นอีกไม่กี่นาที เคน ได้โหม่งโล่งๆ ในจังหวะเตะมุมแต่ดันโหม่งข้ามคานหน้าตาเฉย
��� คล็อปป์ ต้องจัดการแก้เกมหลังทีมเป็นรองเจ้าบ้าน โดยตัดสินใจส่ง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ลงมาแทนเจ้าหนูมอร์ตันที่แทบไม่มีบทบาทอะไรมากนักในเกมนี้�
��� แมตช์นี้ เคน โดดเด่นเหลือเกินโดยในนาทีที่ 67 มีโอกาสลากบอลไปถึงเส้นหลังและตวัดกลับเข้าไปกลางประตูแต่ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ทิ้งตัวสกัดออกไปได้อย่างหวุดหวิด
��� สเปอร์ส มีโอกาสขึ้นนำอีกครั้งจากจังหวะเปิดบอลยาวและ อัลลี่ ได้หลุดเข้าไปในเขตโทษโดยเขาโดน เทรนต์ เบียดจากด้านหลังล้มลง แต่กรรมการ
��� ปล่อยให้เล่นต่อไป ในจังหวะนั้นเอง "หงส์แดง" เปิดเกมส่วนกลับทันโดยบอลขลุกขลิกอยู่บริเวณหน้าประตู และ เทรนต์ ได้โอกาสกึ่งยิงกึ่งผ่านเข้าไปบริเวณเกือบเสาไกลก่อนที่ โรเบิร์ตสัน จะตั้งหัวโขกเข้าไปซึ่งเป็นประตูแรกของเขากับต้นสังกัดในซีซั่นนี้�
���� กระนั้นผู้เล่นสเปอร์สเข้าไปประท้วงเกี่ยวกับจังหวะที่ อัลลี่ โดนผลักล้มในเขตโทษแต่กรรมการยืนยันว่าไม่เป็นจุดโทษ ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ทำสกอร์ขึ้นนำ 2-1
��� อย่างไรก็ตามในนาทีที่ 74 อลิสซอน ที่ทำผลงานดีเยี่ยมมาตลอด ดันมาพลาดในจังหวะตัดบอลบริเวณกรอบเขตโทษทำให้ ซน ฮึง-มิน หลุดเข้าไปส่งบอลเข้าประตูอย่างง่ายดาย
��� จากนั้นอีกแค่สามนาทีทีมเยือนต้องเป็นรองตัวผู้เล่น เมื่อ โรเบิร์ตสัน เจตนาเตะใส่ เอเมอร์สัน จนตัวลอยโดยตอนแรก พอล เทียร์นี่ย์ เป่าฟาวล์และแจกใบเหลืองให้แบ็กซ้ายชาวสกอตติช แต่หลังจากที่เช็ควีเออาร์แล้วมองว่า "ร็อบโบ้" เล่นอันตรายเกินกว่าเหตุจึงเปลี่ยนเป็นให้ใบแดงแทน
��� ด้วยความที่ได้เปรียบตัวผู้เล่นงานนี้เจ้าบ้านเดินหน้าหวังฆ่า "หงส์แดง" ให้ดับแดดิ้นโดยนาทีที่ 85 เคน หลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนจะผ่านบอลแบบกึ่งยิงกึ่งผ่านเข้าไปตรงกลาง แต่งานนี้ โกนาโต้ ล้มตัวเตะบอลออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม
��� เกมนี้ทดเวลา 6 นาทีและ สเปอร์ส หวังจะคว้า 3 คะแนนให้ได้โดยนาทีที่ 90+2 เคน ได้จังหวะส่งบอลเข้าไปตรงกลางให้ "อาซน" ที่ได้ซัดโล่งๆ แต่โดน อลิสซอน เซฟได้อีกครั้ง
��� นาทีที่ 90+4 อลิสซอน เปิดบอลอย่างงามให้ คอสตาส ซิมิคาส ที่จับบอลเลี้ยงเข้าไปถึงบริเวณกรอบเขตโทษ แต่น่าเสียดายที่ดันเปิดบอลไม่ดีทำให้โดนแนวรับ สเปอร์ส สกัดได้อย่างหวุดหวิด
��� หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายทำอะไรกันไม่ได้เสมอกันไปสุดมัน 2-2 โดยผลการแข่งขันแบบนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล รั้งอันดับ 2 โดยมี 41 คะแนน ตามหลัง แมนฯ ซิตี้ จ่าฝูง 3 แต้ม ส่วนสเปอร์สยังอยู่อันดับ 7 เหมือนเดิมมี 26 คะแนน แต่แข่งไปเพียง 15 เกมเท่านั้น
รายชื่อนักเตะทั้ง 2 ทีม
��� สเปอร์ส (3-4-2-1) : อูโก้ โยริส - ดาวินซอน ซานเชซ, เอริค ไดเออร์, เบน เดวี่ส์ - เอเมอร์สัน รอยัล, ต็องกี เอ็นดอมเบเล่ (โอลิเวอร์ สคิปป์ น.64) , แฮร์รี่ วิงค์ส, ไรอัน แซสเซยอง (เซร์คิโอ เรกีลอน น. 86), เดเล่ อัลลี่ (ลูคัส มูร่า น. 81) , ซน ฮึง-มิน ; แฮร์รี่ เคน
��� ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ ; เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, โฌเอล มาติป, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ; เจมส์ มิลเนอร์, ไทเลอร์ มอร์ตัน
(โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น. 60), นาบี เกอิต้า� ; โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดีโอโก้ โชต้า (โจ โกเมซ น.90+2), ซาดิโอ มาเน่ (คอสตาส ซิมิคาส น. 82)
ผู้ตัดสิน : พอล เทียร์นี่ย์