�������� ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงกองเชียร์ลิเวอร์พูล หลังจากข่าวว่าเขาจะก้าวลงจากตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาในช่วงสิ้นสุดฤดูกาลนี้
�������� สิบปีมันเป็นเวลาที่ยาวนานในชีวิตการทำงานของทุกคน ในวงการฟุตบอลเป็นยุคหนึ่งในตัวมันเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสโมสรลิเวอร์พูล ที่ความคาดหวัง และมาตรฐานไม่เคยมีอะไรสูงกว่าที่กองเชียร์สมควรได้รับ การได้เป็นส่วนหนึ่งของสโมสรแห่งนี้ในช่วงเวลานี้ถือเป็นสิทธิพิเศษ เนื่องมาจากผู้คนที่ผมโชคดีที่ได้ร่วมงานด้วย และความสำเร็จที่เราได้รับ
�������� แต่เรื่องดีๆ ทั้งหมดต้องมีวันสิ้นสุด และในกรณีของผม ผมเพิ่งสิ้นสุดตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์สุดท้ายของผมในฐานะผู้อำนวยการด้านกีฬาของลิเวอร์พูล แม้การเขียนถ้อยคำเหล่านี้จะดูเกินจริงไปหน่อย แต่ในช่วงจบฤดูกาลผมจะเก็บแล็ปท็อป และออกจากสำนักงานที่ศูนย์แอกซ่า เทรนนิ่ง เซนเตอร์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ผมจะทำอย่างนั้น ผมต้องการจะใช้โอกาสนี้เพื่ออธิบายเหตุผลว่าทำไมผมถึงต้องก้าวต่อไป เพราะว่าผมเป็นคนที่เชื่อมั่นอย่างมากว่าแฟนบอลสมควรจะรับทราบความชัดเจนในเวลานี้ สิ่งที่สุดท้ายที่ผมต้องการคือการคาดการณ์อะไรที่ไม่มีมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมรู้ว่าสโมสรลิเวอร์พูลที่ผมทิ้งไว้ข้างหลัง ไม่มีคนดูแลที่ดีไปกว่านี้ได้
�������� เช่นเดียวกันคนส่วนใหญ่ในวัยเดียวกับผม ผมได้ดูลิเวอร์พูลในทีวีบ่อยๆ ตอนที่ผมโตขึ้นมา ซึ่งพวกเขาเป็นหนึ่งในทีมที่ครองความยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอลอังกฤษตอนที่ผมยังเด็กมากๆ
�������� ผมใช้เวลาหลายชั่วโมงในสวนหลังบ้านเพื่อพยายามจะเลียนแบบไอดอลของผมทางหน้าจอโทรศัพท์ แต่ก็พูดได้ว่าผมไม่เคยได้เข้าใกล้พวกเขาเลย แม้ว่าจะไม่ใช่เพราะความอยากลองก็ตาม แม้แต่ตอนเด็กๆ ผมก็รู้วิถีทางที่นักเตะลิเวอร์พูลได้เป็นตัวแทนของสโมสรแห่งนี้ด้วยการสร้างมาตรฐานให้ทุกคนได้ทำตาม คุณต้องเป็นสุดยอด หรือมีความสามารถในการเป็นส่วนช่วยเหลือกลุ่มได้ดีที่สุดในฐานะส่วนหนึ่งของกลุ่ม ดังนั้นไม่ต้องใช้เวลาหลายล้านปีในการจินตนาการในตอนนั้นเลยว่าผมจะลงเอยที่แอนฟิลด์ได้จริงๆ และแน่นอนว่าไม่ใช่ตำแหน่งที่ผมทำหน้าที่มาตลอดห้าปีที่ผ่านมา
�������� ผมเคยวางแผนที่จะจำกัดเวลากับสโมสรนานที่สุดไว้ 10 ปี ผมชอบทำงานที่นี่ และผมเป็นเชื่อมั่นอย่างมากกับกาารเปลี่ยนแปลง ผมคิดว่ามันป็นเรื่องที่ดีโดยส่วนตัว และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ดีสำหรับนายจ้างด้วย ในช่วงเวลาของผมที่นี่ เราได้เปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่าง(และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะดีขึ้น) แต่มีคนใหม่ที่จะนำมุมมองที่แตกต่าง แนวคิดใหม่ๆ และหวังว่าจะต่อยอด (หรือเปลี่ยนแปลง)สิ่งต่างๆ ที่วางไว้อยู่ก่อนแล้ว
�������� นั่นคือวิธีการที่ผมเชื่อว่าสโมสรฟุตบอล/ธุรกิจจะเดินไปข้างหน้า คุณต้องมีวิวัฒนาการ และหัวใจสำหรับกระบวนการแบบนี้ในตัวผู้คนเสมอ วิวัฒนาการนั้นเป็นศูนย์กลางของประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พุล และผมหวังว่านี่จะเป็นเรื่องหนึ่งที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
�������� ภรรยาของผมเป็นประจักษ์พยานได้ดี ผมไม่ใช่สุดยอดกับที่นี่ และตอนนี้ ผมมักจะมองไปข้างหน้าเสมอ และสำหรับสองสามปีที่ผ่านมาผมรู้ว่าเวลาที่ผมจะอำลาตำแหน่งนี้กำลังจะมาถึง และผมคิดว่าคนที่เหมาะสมที่จะมารับตำแหน่งแทนผมคือ จูเลียน วอร์ด� อย่างที่เกิดกับตัวผม ผมสงสัยว่าคุณคงจะได้ยินอะไรมากมายจากเขา แต่คราวนี้ผมจะพูดแทนเขาจากสิ่งที่ผมรับรู้ ทุกคนที่เจอกับเขาทั้งภายใน และภายนอกของสโมสรต่างเห็นพ้องต้องกันในวงกว้าง
�������� จูเลียนได้พัฒนาชุดทักษะเพื่อตำแหน่งนี้มานานหลายปี และมีองค์ประกอบนับไม่ถ้วนในพัฒนาการของเขาที่กลายเป็นไฮไลท์สำคัญ ผลงานที่โดดเด่นไม่เป็นรองใครที่เขาทำในการสร้างแผนกยืมตัวของเราเมื่อหกปีก่อน ในช่วงเวลานี้เองเขาไม่เพียงแต่วางรากฐานสำหรับกระบวนการระยะยาวที่ยังคงให้ประโยชน์กับนักเตะ และสโมสรอย่างต่อเนื่อง เขายังเร่งกระบวนการเรียนรู้ของเขาในหลากหลายแง่มุมเพื่อรับมือกับการทำงานที่ผู้อำนวยการกีฬา
�������� ปีที่แล้วเขาขึ้นมารับหน้าที่ผู้ช่วยผู้อำนวยการกีฬา และตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา เขาได้รับการแนะนำให้รู้จักบทบาทของหน้าที่อื่นๆ ที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จ อีกครั้งที่การยกระดับของจูเลียนนั้นสอดคล้องกับสิ่งที่ผมเชื่อว่าจะเป็นตัวแรกหลักของวิถีแห่งลิเวอร์พูล กับการเลื่อนชั้นขึ้นมาเป็นการภายในเสริมสร้างความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และความรู้ที่เป็นเรื่องน่าหวงแหนในวิถีทางที่พวกเขาควรจะเป็น ตลอดช่วงเวลาที่เหลือในฤดูกาลนี้ ผมจะคอยให้การสนับสนุนเขาต่อไปในขณะที่เราอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงผู้นำ การทำงานอย่างใกล้ชิดกับไมค์ กอร์ดอน ผู้ที่ไม่เคยหลับไหล
ตอนที่ผมแจ้งไมค์ถึงการตัดสินใจลาออก ผมบอกว่าผมหวังว่าคู่หูคนต่อไปของเขาจะดีไม่แพ้คนที่ผมเคยแบ่งปันร่วมกับเขา ร่วมกับเจอร์เก้น และเบรนแดน ก่อนหน้าเขา เรามีเรื่องที่ต้องตัดสินใจมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา บางอย่างออกมาดีกว่าอันอื่นๆ แต่ทุกอย่างเป็นไปเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของสโมสรลิเวอร์พูล ไมค์ชอบหลบสื่อ พวกคุณส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าเขาเดินอยู่ตามท้องถนน (ซึ่งผมมองว่ามันตลกดี) แต่เขาเป็นคนชาญฉลาดที่เอาจริงเอาจัง ทำงานหนัก เจ้ากลยุทธ์ และสามารถเชื่อมต่อกับผู้คนมากมาย
�������� เป็นไมค์ที่โปรโมทผมขึ้นมา และเชื่อมั่นในตัวผม เขาให้โอกาส และเมื่อได้ทำเช่นนั้น เขาให้อิสระ และความรับผิดชอบอย่างมากกับผม นั่นเรื่องที่ผมจะขอขอบคุณตลอดไป เพื่อจะยังคงไม่ให้เขาได้รับการจับตามอง ผมรู้ว่าผู้คนจำนวนมากไม่ได้ตระหนักถึงขอบเขตการมีส่วนร่วมในการทำงานในแต่ละวันของเขากับสโมสร ไม่เพียงแต่ในแผนกของผม แต่รวมถึงในส่วนของบอร์ดบริหาร เขามีความหลงไหลในเรื่องของสโมสรลิเวอร์พูลเป็นอย่างมาก และนี่ชัดเจนว่าเป็นเหตุผลถึงความมุ่งมั่นที่เขามี และความตั้งใจที่จะทำทุกอย่างด้วยพลังอำนาจทั้งหมดของเขาเพื่อทำให้สโมสรแข่งขันในระดับสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
�������� ด้วยการยอมรับของพวกเขาเอง เอฟเอสจีอาจจะทำเรื่องที่ผิดพลาดไป 2-3 เรื่อง แต่บางครั้งมันก็ง่ายที่จะมองข้ามสิ่งต่างๆ มากมายที่พวกเขาทำได้อย่างถูกต้อง และในฐานะคนที่ทำงานใกล้ชิดกับพวกเขามาเป็นเวลานาน ผมรู้ดีว่าพวกเขามีความคลั่งไคล้มากเพียงใดเกี่ยวกับชัยชนะ และเกี่ยวกับสโมสร การเปลี่ยนแปลงของลิเวอร์พูลจากสโมสรตอนที่ผมเข้ามาทำงานเมื่อหนึ่งทศวรรษก่อนนั้นมีอะไรเหมือนเดิมมากที่สุดแค่เพียงชื่อ และสำหรับไมค์คนนี้เขาควรจะได้รับเครดิตมากมาย
�������� ถ้าผมได้เจอใครซักคน พวกเขามักจะถามผมเกี่ยวกับการเซ็นนักเตะ หรือนักเตะที่เราจะขายออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ และผมรู้ดีว่าซื้อขายนักเตะเป็นส่วนหนึ่งที่น่าตื่นเต้นของตำแหน่งที่ผมทำ มันอาจจะกลายเป็นการซื้อขายที่สนุกสนานมาก และเป็นสิ่งที่ผมชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้เล่นที่เรานำเข้ามาได้สร้างความแตกต่างในแง่ดี เช่นเดียวกับทั้งหมด มีทีมงานที่ทำงานเคียงข้างผม ซึ่งการทำงานหนัก และผสมผสานกับความเชี่ยวชาญนั้นไม่ควรจะถูกมองข้ามไป
�������� เดฟ ฟัลโลว์ส และแบร์รี ฮันเตอร์ เข้ามาทำงานกับลิเวอร์พูลหลังจากผมหนึ่งปี และพวกเขามีส่วนสำคัญในการสร้างแผนกแมวมองระดับโลก สำหรับคนที่ไม่รู้จักแบร์รี และน่าจะไม่มากนัก เขาเป็นเซนเตอร์แบ็กชาวไอร์แลนด์เหนือที่เล่นบอลหนัก ที่มีสมุดบันทึกรายชื่อติดต่อที่อ่านจำแนกได้ว่าใครเป็นใครในวงการฟุตบอล เขามักจะเดินทางตลอดเวลา และสามารถกักเก็บอาหารมากกว่าช้างตัวผู้เฉลี่ยโดยทั่วไป เดฟอธิบายง่ายๆ ว่าเป็นเหมือนกูเกิล ผมไม่เคยรู้จักใครที่มีความทรงจำที่ดีอย่างเขา และความสามารถที่จะคิดนอกกรอบเมื่อจำเป็นต้องการหาแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
�������� เป็นเวลาหลายปีที่ผมถูกให้คำจำกัดความว่า นักสถิติ� ซึ่งคนที่รู้จักผมดีที่สุดจะมองว่ามันค่อนข้างตลก แน่นอนว่าเรามีนักเตะสถิติคนหนึ่ง เชื่อของเขาคือเอียน แกรห์ม และเหมือนกับเดฟ� และแบร์รี เขามาร่วมงานไม่นานหลังจากผมย้ายจากบริษัทชื่อ Decision Technology จากที่รู้ว่าเขาเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูลก็เพียงพอสำหรับจอห์น เฮนรี และตัวผมเองจะเกลี้ยกล่อมให้เขาทำงานร่วมกับสโมสรจริงๆ มากกว่าจะเป็นเพียงที่ปรึกษา
�������� เอียน และทีมของเขา (แดฟ, ทิม และวิลล์) คืออัจฉริยะในสายตาของผม และไม่ต้องสงสัยว่าคือสุดยอดในการทำงานด้านนี้ในวงการฟุตบอล ตรงกันข้ามกับความเชื่อของผู้คน เราไม่ได้เซ็นนักเตะตาม สถิติ แต่ข้อมูลที่มาจากการวิจัยของพวกเขามีส่วนสำคัญในการตัดสินใจของเรา ไม่ว่ามันจะเป็นวีดีโอ การเขียนรายงาน ข้อมูล การตรวจสอบประวัติ หรือวิธีการเก่าๆ ด้วยการไปดูฟอร์มจากบนอัฒจันทร์ ทั้งหมดนี้ล้วนไปสู่การตัดสินใจครั้งสำคัญ และเมื่อคุณตัดสินใจแล้ว ข้อมูลทั้งหมดจะช่วยลดความเสี่ยงได้
�������� นอกเหนือจากคนเหล่านี้ วู้ดี้ (เดวิด วู้ดไฟน์) ยังอยู่ที่นั่นเพื่อทำหน้าที่ประสานเรื่องต่างๆ เข้าด้วยกัน อดีตนายทหารจากราชนาวีที่ผมรู้จักมาหลายปี เขาเป็นคนที่มีระเบียบที่สุดเท่าที่คุณจะเคยเจอ (คุณน่าจะเห็นเขาจัดกระเป๋าเดินทาง)เช่นกันกับการแก้ไขปัญหาเรื่องต่างๆ ให้เรียบร้อย รวมกันเป็นทีมที่เรามี และควบคู่ไปกับการทำงานหนัก และการอุทิศตัวของโจนาธาน แบมเบอร์, เปรสตัน โจนส์ และแดนนี่ สแตนเวย์ เรามีกลุ่มผู้คนที่ช่วเหลือสโมสร ซื้อ และขาย นักเตะมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา
�������� นอกเหนือจากนี้คือส่วนที่สำคัญที่สุดของทั้งหมด ผู้จัดการทีม และนักเตะ หากไม่มีคนเหล่านี้ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แฮร์รี เร้ดแน็ปป์เคยบอกผมครั้งหนึ่งว่า ทุกอย่างมันอยู่ที่นักเตะ, เอ็ด และเขาพูดถูก ความเสียสละที่คนเหล่านี้ทุ่มเทลงไป และความกดดันที่พวกเขารับไว้ในการโชว์ฟอร์มให้กับสโมสรอย่างลิเวอร์พูลเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมโหฬาร ผมให้ความเคารพกับทุกคนเป็นอย่างมาก และความสำเร็จอย่างล้มหลามที่พวกเขาทำในตลอดหลายปีที่ผ่านมาเป็นเรื่องคู่ควรทุกประการ พวกเขาโชคดีที่ได้เล่นกั้บสโมสรอย่างลิเวอร์พูล และลิเวอร์พูลโชคดีมากที่มีพวกเขา
�������� หนึ่งในอีกคำถามที่ผมมักจะถูกถามถึงเสมอคือ ใครเป็น/คือนักเตะที่คุณชื่นชอบที่สุด? นี่คือคำถามที่ยากจริงๆ ที่จะตอบ ซึ่งผมคงจะไม่ลองดู ทุกอย่างที่ผมพูดได้คือสุนัขของผมชื่อว่าบ็อบบี ตอนที่เราเซ็นสัญญากับนักเตะคนหนึ่ง เจอร์เก้นจะพูดเสมอว่า 50 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ตัวเขา และอีก 50 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่นักเตะเองที่จะประสบความสำเร็จ ผมไม่คิดว่าใครต้องการให้ผมพูดเกี่ยวกับเจอร์เก้น และสิ่งที่เขาทำให้กับสโมสร แต่ผมคิดว่าตอนที่เขากเข้ามาก และการประยุกต์ปรัชญาของเขา และคุณลักษณะของเขาในฐานะผู้นำจะผู้นำจะถูกจดจำที่ลิเวอร์พูลไปตลอดกาล
�������� การเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลน่าจะยากกว่าการเป็นนักเตะ (เสื้อที่แขวนไว้นั้นหนักอึ้ง นั่นคือคำที่พวกเขาพูดกัน) แต่เขาได้ถ่ายทอดความสุขมากมายให้กับแฟนๆ และเรียกคือคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของสโมสรมากมายที่เขาจะจารึกในประวัติศาสตร์ในฐานะหนึ่งในตำนานผู้จัดการทีมของสโมสร เขาคือคนที่มีความต้องการ เขาต้องการชัยชนะ ไม่ว่าจะเป็นบนโต๊ะปิงปอง หรือแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ และเขานำทีมได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อตลอดระยะเวลาหลายปีของผมกับสโมสรลิเวอร์พูล จูเลียน และเจอร์เก้นมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก และการก้าวไปข้างหน้าผมมั่นใจว่าพวกเขาจะนำความสำเร็จอีกมากมายมาให้กับสโมสร
�������� มีผู้คนพิเศษอีกมากมายที่ผมได้ร่วมงานที่สโมสรลิเวอร์พูล ที่ผมสามารถพูดถึงได้ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้สโมสรเป็นสถานที่ยอดเยี่ยมมากในการทำงาน แต่กับสนามซ้อมใหม่ที่สเร็จสิ้นสมบูรณ์ นักเตะแกนหลักหลายคนทุ่มเทให้กับสโมสรผ่านสัญญาระยะยาว และากรทำงานหนักบางอย่างก็แปรเปลี่ยนเป็นถ้วยรางวัล อย่างที่ผมพูดไปตในตอนเริ่มต้น ถึงเวลาแล้วที่ผมต้องก้าวต่อไป
�������� ในขณะที่ผมจะยังคงอยู่ตลอดช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาล ผมอยากจะใช้โอกาสนี้เพื่อบันทึกการแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ และขอบคุณทุกคนที่ผมได้โอกาสทำงานด้วย และแสดงความขอบคุณของผมที่มีต่อเอฟเอสซีที่ให้โอกาสกับผม
�������� YNWA
�������� คุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย