���������� "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฐานะแชมป์กลุ่ม บี แน่นอนแล้ว หลังเปิดบ้านพิชิต แอตเลติโก มาดริด ที่เหลือ 10 คนตั้งแต่ช่วงครึ่งแรก 2-0 เมื่อคืนวันพุธที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยที่ได้ ดิโอโก้ โชต้า และ ซาดิโอ มาเน่ ช่วยทำคนละประตูตั้งแต่หัววัน
���������� สนาม : แอนฟิลด์
��� เกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ให้ ดิโอโก้ โชต้า และ คอสตาส ซิมิคาส สตาร์ทเป็นตัวจริง ส่วน ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือ "ตราหมี" ใช้ หลุยส์ ซัวเรซ อดีตดาวยิง ลิเวอร์พูล เป็นหน้าเป้า และมี ชูเอา เฟลิกซ์ กับ อังเคล กอร์เรอา คอยทำเกมอยู่ข้างหลัง แต่ไม่มี อ็องตวน กรีซมันน์ ที่ติดโทษแบน
�� แค่นาทีที่ 13 ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ครอสบอลสุดแม่นให้ ดิโอโก้ โชต้า ตั้งหัวโขกเน้นๆ ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย ชนิดที่ ยาน โอบลัค นายประตูทีมเยือน หมดสิทธิ์ป้องกัน
��� เจ้าถิ่นหนีเป็น 2-0 อย่างรวดเร็วในนาทีที่ 21 จากผลงานของ ซาดิโอ มาเน่ ที่แหย่เท้าเปลี่ยนทางบอลจากลูกยิงของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เข้าไป
��� นาทีที่ 36 สถานการณ์ของ แอต. มาดริด ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เพราะต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน หลังจากที่ เฟลิเป้ ได้รับใบแดงโดยตรง จากการไปจงใจทำฟาวล์ตัดเกมใส่ มาเน่
��� ช่วงท้ายครึ่งแรก "หงส์แดง" มีโอกาสได้ประตูเพิ่มอีกจากลูกยิงด้วยเท้าซ้ายของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และลูกโขกของ โชต้า แต่ โอบลัค ป้องกันไว้ได้หมด
��� จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล 2 - แอต. มาดริด 0
��� เริ่มเกมครึ่งหลังมาไม่กี่นาที โชต้า หลุดเดี่ยวเข้าไปส่งบอลเข้าประตูได้สำเร็จ แต่น่าเสียดายที่ VAR ชี้ชัดเป็นลูกล้ำหน้า และหลังจากนั้น ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้เสียวอีกเป็นชุด ทั้งจากการหลุดเข้าไปยิงติดตัว โอบลัค ของ ซาลาห์, ลูกยิงหลุดกรอบของ โฌแอล มาติป และจังหวะโหม่งของ โชต้า
��� นาทีที่ 57 มีจังหวะสำคัญ โดย หลุยส์ ซัวเรซ ได้ซัดนอกกรอบเขตโทษ บอลแฉลบ มาติป เปลี่ยนทางเข้าประตูไป แต่น่าเสียดายที่ VAR ชี้ชัดเป็นลูกล้ำหน้าในจังหวะก่อนหน้านั้น สกอร์ยังเป็น ลิเวอร์พูล นำ 2-0 เหมือนเดิม
��� หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล ซึ่งได้เปรียบเรื่องจำนวนนักเตะ เล่นแค่ประคองเกม ขณะที่ "ตราหมี" ก็เหมือนยอมรับสภาพเช่นกัน
��� จบเกม "หงส์แดง" คว้าชัย 2-0 การันตีการผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ในฐานะแชมป์กลุ่ม บี แน่นอนแล้ว ถึงแม้เหลือโปรแกรมลงเตะอีก 2 นัดก็ตาม โดยมี 12 คะแนนเต็ม จากการลงแข่ง 4 นัด ทิ้งห่าง ปอร์โต้ ทีมอันดับสอง ถึง 7 แต้ม ส่วน แอต. มาดริด อยู่ที่สาม มี 4 แต้ม ขณะที่ เอซี มิลาน รั้งบ๊วย เพิ่งมีแค่แต้มเดียว แต่ยังไม่หมดหวังเข้ารอบในฐานะทีมรองแชมป์กลุ่ม
�
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม�
���
��� ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ (นาธาเนียล ฟิลลิปส์ น. 90+4), โฌแอล มาติป, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, คอสตาส ซิมิคาส - ฟาบินโญ่ (ติอาโก้ อัลกันตาร่า น. 59), อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (ทาคุมิ มินามิโนะ น. 78), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ (โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น. 46, ดิว็อค โอริกี้ น. 78), ดิโอโก้ โชต้า
��� แอตเลติโก มาดริด (3-4-2-1) : ยาน โอบลัค - เฟลิเป้, โฮเซ่ คิเมเนซ, มาริโอ เอร์โมโซ่ - คีแรน ทริปเปียร์, โรดริโก้ เด ปอล, โกเก้ (มาเตอุส กุนญ่า น. 69), ยานนิค การ์ราสโก้ (ซิเม่ เวอร์ซัลจ์โก้ น. 69) - อังเคล กอร์เรอา (ฆาเบียร์ เซร์ราโน่ น. 75), ชูเอา เฟลิกซ์ (เรนาน โรดี้ น. 59) - หลุยส์ ซัวเรซ (เอคตอร์ เอร์เรร่า น. 59)
���� ผู้ตัดสิน : แดนนี่ มัคเคอลี (เนเธอร์แลนด์)