����� ด็อกเตอร์ รัชพาล บราร์ นักกายภาพบำบัดชื่อดัง เปิดเผยว่าสาเหตุที่ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ แนวรุกดาวรุ่งของ ลิเวอร์พูล ถึงขั้นต้องสวมหน้ากากอ็อกซิเจนนั้น เป็นเพราะมันจะช่วยทำให้อ็อกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่าการสอดท่อ ซึ่งอาจจะส่งผลดีกับการฟื้นฟูไปในตัว
��� เอลเลียตต์ กำลังอยู่ระหว่างการพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บบริเวณชข้อเท้าที่ได้รับจากเกมกับ ลีดส์ โดยเชื่อกันว่าเขาจำเป็นต้องใช้เวลารักษานานพอตัว ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวออกมารายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับอาการของตัวเอง แต่เขาก็โพสต์รูปตอนสวมหน้ากากเอาไว้ด้วยจนทำให้บางคนสงสัยว่าทำไมต้องทำกันถึงขนาดนั้น
��� รัชพาล เผยว่า "มันมีประเด็นสำคัญ 2 ประเด็นที่ต้องพูดถึง นั่นคือหน้ากากที่ถึงขั้นต้องมีการสอดท่อเข้ามา และชิปขนาดเล็กที่อยู่ตรงหูข้างขวาของเขา หน้ากากที่ใส่ท่อเข้ามาด้วยน่ะน่าจะเป็นการเชื่อมกับถังอ็อกซิเจนแบบเคลื่อนที่ได้ และมีการส่งอ็อกซิเจนให้ เอลเลียตต์ นี่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ -การบำบัดด้วยอ็อกซิเจน- ตามทฤษฎีแล้วเชื่อว่าอ็อกซิเจนนั้นเป็นส่วนสำคัญในการรักษา เพราะอ็อกซิเจนมันจะเข้าสู่ปอดมากขึ้นจนช่วยเรื่องกระแสเลือดกับเนื้อเยื่อ ซึ่งมันอาจจะเพิ่มอัตราการรักษาไปในตัวด้วย"
��� "ด้วยเหตุนี้ เอลเลียตต์ เลยสวมหน้ากากอ็อกซิเจนเพื่อที่จะทำให้อ็อกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่าการสวมท่อเล็กๆ โดยตรงเข้ากับจมูก นอกจากนี้ หน้ากากยังถือว่าสร้างความสะดวกสบายได้มากกว่าด้วย เพราะมันให้อากาศที่ชุ่มชื่นมากกว่า มันไม่ได้ไปทำให้โพรงจมูกแห้ง และไม่ได้โดนจมูกโดยตรงเลย นอกจากนี้ หน้ากากบางชนิด อย่างเช่นของ เอลเลียตต์ ก็มีอ็อปชั่นที่จะสามารถสอดท่อใกล้กับจมูกหรือปากได้ด้วย"
��� "สำหรับชิปตรงหูข้างขวาของ เอลเลียตต์ นั้น นี่เป็นเซนเซอร์จับระดับควาอิ่มตัวของอ็อกซิเจนซึ่งใช้แสงในการประเมินระดับอ็อกซิเจนในเลือดที่จะไหลเวียนไปยังมือกับเท้า ซึ่งถือเป็นจุดที่อยู่ห่างจากหัวใจมากที่สุดและเป็นการวัดที่มีความสำคัญ ชิปตัวนี้ถูกติดตั้งเพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงระดับเหล่านั้น ซึ่ง เอลเลียตต์ ก็น่าจะได้รับคำแนะนำมาว่าควรจะรักษาระดับ Sp02 ให้อยู่ในระดับที่เต็มที่"
������ "การบำบัดด้วยอ็อกซิเจนแบบนี้อาจจะหรืออาจจะไม่ได้ช่วยเร่งกระบวนการรักษาก็ได้ แต่มันก็เหมือนกับเทคนิคหรือกระบวนการอื่นๆ สำหรับนักกีฬาระดับสูงนั่นแหละ เรื่องค่าใช้จ่ายน่ะมันไม่ใช่ปัญหาเลย และถ้าการทำสิ่งที่ถูกมันไม่ได้จะส่งผลเสียกับคุณแล้วล่ะก็ ทำไมถึงไม่ควรลองสักหน่อยล่ะ ?"