������ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำทัพของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เก็บ 6 คะแนนเต็ม จากการลงแข่ง 2 นัด หลังบุกถล่ม ปอร์โต้ กระจุย 5-1 เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา โดยที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำคนเดียว 2 ตุง เช่นเดียวกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่ลงเป็นตัวสำรองกลางครึ่งหลัง ขณะที่ ซาดิโอ มาเน่ ก็มีสกอร์เช่นกัน
���� สนาม : เอสตาดิโอ โด ดราเกา
�
���� เจ้าถิ่นหวังเก็บชัยชนะนัดแรกในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ แต่ข่าวร้ายคือ เปเป้ ปราการหลังกัปตันทีม ดันเจ็บก่อนเกม ทำให้ ฟาบิโอ คาร์โดโซ่ ถูกส่งลงเล่นแทน ส่วน "หงส์แดง" ที่นัดนี้ไม่มี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หมายมั่นปั้นมือที่จะบุกมาคว้าชัยที่ โปรตุเกส เพื่อสะสมคะแนนเป็น 6 แต้ม
�
���� ช่วง 10 นาทีแรก ทั้งสองทีมเปิดเกมรุกแลกกัน แต่ยังไม่มีโอกาสแบบเน้นๆ ทว่า ปอร์โต้ เจอข่าวร้ายอีกแล้ว เมื่อ โอตาวิโอ มีปัญหาบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ คอนไซเซา ส่ง ฟาบิโอ วิเอยร่า ลงไปแทน�
���� นาทีที่ 18 ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ เคอร์ติส โจนส์ ยิงไปติดเซฟ ดิโอโก้ คอสต้า บอลไปเข้าทาง ไซดู ซานูซี่ ซึ่งจับบอลไม่ดี และเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ใช้เท้าซ้ายแตะบอลเข้าไป��
���� หลังจากนั้น "หงส์แดง" เดินเกมรุกต่อเนื่อง และนาทีที่ 26 เกือบได้ประตูเพิ่ม จากจังหวะที่ ดิโอโก้ โชต้า ได้ซัดเต็มๆ แต่ คอสต้า ปัดปลายนิ้วบอลข้ามคานไป
���� นาทีที่ 38 ปอร์โต้ ได้ลุ้นบ้าง เมื่อ หลุยส์ ดิอาซ มีโอกาสยิงเน้นๆ แต่ดันเบาไป ทำให้ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ล้มตัวรับบอลสบายๆ
���� หลังจากนั้น 4 นาที ลิเวอร์พูล ได้เสียวอีกครั้ง จากลูกฟรีคิกระยะประมาณ 20 หลา ที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้ยิงบอลโค้งๆ กำลังจะเสียบใต้คาน แต่ คอสต้า พุ่งปัดออกหลังไปได้
���� สุดท้ายเจ้าถิ่นก็ไม่รอด "หงส์แดง" ได้ประตูหนีเป็น 2-0 ในนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก จากการครอสบอลเข้ากลางของ เจมส์ มิลเนอร์ ซึ่งผ่านไปถึง ซาดิโอ มาเน่ ที่แตะบอลเข้าไปเบาๆ
���� หมดครึ่งเวลาแรก ปอร์โต้ 0 - ลิเวอร์พูล 2
���� เริ่มครึ่งหลัง ปอร์โต้ โจมตีก่อนด้วยความคึกคัก แต่นาทีที่ 49 เป็น ลิเวอร์พูล ที่ได้ลุ้น จากการขึ้นมาซัดด้วยซ้ายของ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แต่ไม่ผ่านการป้องกันของ คอสต้า
���� หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นอีกครั้ง จากการเล่นไม่รู้กันของนักเตะ ปอร์โต้ ซึ่ง โชต้า วิ่งเข้าฉกบอล แต่ไม่ผ่าน คอสต้า อีกแล้ว
���� ลิเวอร์พูล บุกเป็นพายุ นาทีที่ 54 ได้ลุ้นอีกครั้ง จากการยิงของ โชต้า แต่ไม่ผ่านมือ คอสต้า อีกเช่นเคย กระนั้นนาทีที่ 60 นำขาดเป็น 3-0 สำเร็จ จากจังหวะที่ โจนส์ ได้พาบอลเข้ากลาง ก่อนผ่านบอลเน้นๆ ให้ ซาลาห์ จบสกอร์อย่างเฉียบขาด ซึ่งถือเป็นลูกที่สองของดาวเตะชาวอียิปต์ในเกมนี้อีกด้วย�
���� นาทีที่ 62 ปอร์โต้ เกือบได้ประตูตีไข่แตก จากการสลับเท้ายิงของ วิตินญ่า แต่ อลิสซอน รับเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และนาทีต่อมา ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูเพิ่มอีก จากการยิงของ โชต้า แต่บอลหลุดกรอบอย่างน่าเสียดาย
���� นาทีที่ 75 เจ้าถิ่นตีไข่แตกได้สำเร็จ จากจังหวะที่ วิเอยร่า หยอดบอลเข้ากลาง และเป็น เมห์ดี้ ทาเรมี่ หัวหอกชาวอิหร่าน พุ่งโหม่งเข้าไป
���� อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นแค่ 2 นาที "หงส์แดง" หนีไปไกลเป็น 4-1 จากจังหวะที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ถึงบอลก่อน คอสต้า ที่ออกมาไม่ดี ก่อนส่งบอลค่อยๆ ไหลเข้าประตูไป ถึงแม้ คอสต้า ตามไปปัดออกมา แต่ไม่ทัน
���� เท่านั้นยังไม่พอ นาทีที่ 83 ลิเวอร์พูล เพิ่มสกอร์เป็น 5-1 จากการยิงซ้ำโล่งๆ ของ ฟีร์มีโน่ แม้ดูเหมือนล้ำหน้า แต่ผู้ตัดสินเช็ค VAR เรียบร้อย ไม่มีปัญหา
�
���� หลังจากนั้นไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม ลิเวอร์พูล บุกกระซวกยักษ์ใหญ่แดนฝอยทอง 5-1 เก็บ 6 คะแนน จากการลงแข่ง 2 นัด
���� รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามตัวจริง
���� ปอร์โต้ (4-2-3-1) : ดิโอโก้ คอสต้า (กัปตันทีม); โฮซุส โคโรน่า, ฟาบิโอ คาร์โดโซ่, อีบัน มาร์กาโน่ (กัปตันทีม) , ไซดู ซานูซี่ (เวนเดลล์ น.56) ; มาเตอุส อูริเบ (วิตินญ่า น.56), แซร์โจ้ โอลิเวยร่า (เปเป้ น. 67); โอตาวิโอ (ฟาบิโอ วิเอยร่า น.14), อันโตนิโอ มาร์ติเนซ (มาร์โค กรูยิช น.46), หลุยส์ ดิอาซ; เมห์ดี้ ทาเรมี่
���� เทรนเนอร์ : แซร์โจ้ คอนไซเซา�
��� ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์; เจมส์ มิลเนอร์ (โจ โกเมซ น. 66), โฌแอล มาติป, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน; ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (กัปตันทีม) (อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น.73), เคอร์ติส โจนส์; โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น. 67), ซาดิโอ มาเน่ (ทาคุมิ มินามิโนะ น. 67), ดิโอโก้ โชต้า (ดิว็อก โอริกี้ น.88)
���� เทรนเนอร์ : เจอร์เก้น คล็อปป์�
���� ผู้ตัดสิน : เซอร์เก คาราเซฟ (รัสเซีย)