���������� จินี่ ไวจ์นัลดุม กองกลางดัตช์ที่ในเวลานี้ย้ายไปอยู่กับ ปารีส แซงต์ แยร์กแมง พูดถึงช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดในช่วงที่อยู่กับลิเวอร์พูลว่าคือช่วงเวลาในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศนัดที่สองที่ 'หงส์แดง' พลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะบาร์เซโลน่า เข้ารอบชิงชนะเลิศได้ โดยที่เจ้าตัวเป็นคนทำสองประตูด้วย
���������� ในเกมนัดแรกที่คัมป์ นู ลิเวอร์พูล พ่ายมา 0-3 ทำให้ที่แอนฟิลด์พวกเขาจำเป็นต้องเอาชนะทีมแกร่งจากสเปนให่ได้ถึง 4-0 ถึงจะผ่านเข้ารอบ แม้เป็นเรื่องยากที่สุดเท่าที่จะนึกได้ แต่ปาฏิหารย์ก็เริ่มก่อตัว เมื่อ ดิว็อก โอริกี้ ทำประตูนำให้ทีมไปก่อนในนาทีที่ 7 แต่สกอร์ 1-0 (สกอร์รวมเวลานั้น 1-3) ยังไม่เพียงพอ พอพักครึ่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็จัดการแก้เกมเพื่อหวังให้ทีมทำประตูตีตื้นได้อีก เขาจัดการส่ง ไวจ์นัลดุม ลงมา ก่อนที่กองกลางทีมชาติเนเธอร์แลนด์จะจัดการเหมา 2 ประตูติดต่อกันในนาทีที่ 54 และ 56 ของเกม ส่งผลให้สกอร์รวมกลับมาเสมอกัน 3-3 เล่นเอาบาร์ซ่ารวน และสุดท้ายประตู 4-0 ในเกมนี้มาจากการเล่นลูกเตะมุมเร็วที่แสดงถึงไหวพริบของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ส่งให้ โอริกี้ ยิงปากประตูโล่งๆ ส่งให้ลิเวอร์พูลเข้าชิง ก่อนคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 เหนือสเปอร์สในเวลาต่อมา
���������� "บางทีคล็อปป์บอกอะไรกับผมในช่วงพักครึ่ง แต่ผมยังโกรธมาก (ที่ตกเป็นตัวสำรองในเกมนั้น) ดังนั้นผมเลยไม่ได้ฟังเขา' ไวจ์นัลดุมกล่าวถึงความทรงจำที่เกิดขึ้นในเกมนี้
���������� "ช่วงเวลาเดียวเท่านั้นที่ผมฟังเขาเกิดขึ้นเมื่อตอนซ้อมเช้าที่ถูกหยุด และเขาบอกกับผมว่า 'จินี่ คุณต้องพร้อมเพราะว่าฉันต้องการนายเมื่อนายลงสนาม' "
���������� "ตอนผมลงสนาม เป๊ป ลินเดอร์ส (ผู้ช่วยคล็อปป์) บอกกับผมว่าตอนที่พวกเราสร้างเกมขึ้นมา ผมต้องมารับบอลตรงแนวรับเราเพื่อส่งบอลให้ วิงแบ็ค เติมเกมสูงขึ้นกว่าเดิม ในหัวของผมประมาณว่า 'ไม่นะ ไม่ ฉันจะไม่ทำแบบนั้น ฉันแค่ต้องพยายามขึ้นสูงเพื่อไปหาทางทำประตูบ้าง' ผมโกรธมาก ผมเลยลงไปทำตามใจในแบบตัวเอง แต่ในท้ายที่สุดมันได้ผล!"