�������� สจ้วร์ต เพียร์ซ อดีตแข้งดังและผู้จัดการทีมฟุตบอลชายของสหราชอาณาจักรในลอนดอน เกมส์�ตำหนิ เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ลิเวอร์พูลว่าเป็นพวกเห็นแก่ตัว หลังไม่อนุญาตให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าดาวซัลโวไปรับใช้ชาติในศึกโอลิมปิก เกมส์ ที่โตเกียวเดือนหน้านี้
�������� คล็อปป์ยืนยันว่าจะไม่ปล่อย ซาลาห์ รวมถึงนักเตะคนอื่นๆ ของลิเวอร์พูลไปเล่นในโอลิมปิก เกมส์ ที่โตเกียว ซึ่งเพียร์ซรู้สึกว่าไม่ถูกต้องกับการไปห้ามนักเตะรับใช้ประเทศของตัวเองแบบนั้น
�������� "แน่นอน เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ต้องการปล่อย ซาลาห์ ไปเล่นโอลิมปิก เพราะเขามองแต่ผลประโยชน์ของสโมสรลิเวอร์พูลเพียงอย่างเดียว" เพียร์ซที่เคยทำหน้าที่คุมทีมสหราชอาณาจักรลงเตะในโอลิมปิก เมื่อปี 2012 ได้เหน็บนายใหญ่ชาวเยอรมันผ่านรายการของทอล์กสปอร์ต
���������� "คุณต้องการให้โมอยู่ แต่ถ้าผมเป็นผู้จัดการทีมสโมสรใดสโมสรหนึ่งหรือเป็นโค้ชนะ ผมจะไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ การหยุดไม่ให้นักเตะเล่นให้ประเทศของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเกมระดับไหนก็ตาม"
�������� "ประสบการณ์ในระดับชาติทั้งหมดที่ผมเคยมีในฐานะนักฟุตบอล ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการเล่นฟุตบอลอาชีพคือการเป็น กัปตันให้ประเทศชาติของผม"
�������� สำหรับผมแล้วที่จะก้าวเข้าสู่โลกของการจัดการ มันมีการเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง ซึ่งผู้จัดการทีมชาติทั้งหมดก็โทรหาผมและพูดว่า 'ปล่อยผู้เล่นคนนี้ ปล่อยผู้เล่นคนนั้น' จากนั้นพอพวกเขากลายเป็นผู้จัดการสโมสร พวกเขากลับพยายามขวางผู้เล่นของพวกเขา"
������� ทั้งนี้เพียร์ซยืนยันว่าในมุมมองของเขามหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาตินั้นยิ่งใหญ่กว่าฟุตบอลโลกมาก
�������� "โอลิมปิกมันทำให้คุณต้องทึ่งกับความยิ่งใหญ่ของมันน่ะ" เพียร์ซเสริม
�������� "มันยิ่งใหญ่กว่าฟุตบอลโลก ในฐานะมหกรรมระดับโลก� โอลิมปิกใหญ่กว่าฟุตบอลโลก"
�������� "ฟุตบอลโลกก็แค่ฟุตบอล แต่ โอลิมปิกคือทุกๆ กีฬา คุณไม่เข้าใจถึงความยิ่งใหญ่ของโอลิมปิกจนกระทั่งคุณเข้าไปอยู่ในนั้น"
�������� "ก่อนหน้านั้น สโมสรบอกกับผมว่าพวกเขาไม่ต้องการให้นักเตะไปเล่นในรายการนี้ ผู้คนบอกกับผมในงานแถลงข่าวว่าฟุตบอลไม่น่าจะเป็นกีฬาที่สหราชอาณาจักรส่งแข่งในโอลิมปิก"
�
��������� "เราเคยเผชิญหน้ากับอุรุกวัยในเกมนัดที่สอง และแนวรุกอุรุกวัยคือ หลุยส์ ซัวเรซ และ เอดินสัน คาวานี่ พวกเราเคยเล่นกับบราซิลที่มี เนย์มาร์ ผู้ที่เป็นตัวความหวังในการนำบราซิลคว้าเหรียญทองโอลิมปิก"
���������� "มันเคยเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผมเคยมีส่วนร่วมมาในการทำงานเลย มันยิ่งใหญ่มาก"