����� ลิเวอร์พูล บอกเอง เตรียมจะตั้งตำแหน่งเพื่อแฟนบอลของทีมโดยเฉพาะ โดยจะใช้ชื่อ "บอร์ดบริหารแฟนบอล" ซึ่งหลักๆ แล้วก็จะเป็นการให้กองเชียร์ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินอนาคตของสโมสร
��� ลิเวอร์พูล สโมสรชั้นนำแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดเผยว่าพวกเขาเตรียมที่จะตั้งตำแหน่งใหม่ชื่อ "บอร์ดบริหารแฟนบอล" (ซัพพอร์ตเตอร์ส บอร์ด) ขึ้นมา เพื่อให้แฟนบอลมีตัวแทนในบอร์ดบริหารชุดหลักของทีม รวมถึงมีส่วนในการตัดสินใจประเด็นสำคัญ
��� "หงส์แดง" เคยเป็นหนึ่งในกลุ่มทีมดังของทวีปยุโรปที่คิดจะแยกตัวจากรายการระดับทวีปของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) อย่างเช่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก เพื่อไปจัดรายการใหม่กันเองที่ชื่อ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก แต่แนวคิดดังกล่าวก็โดนแฟนบอลหลายคนคัดค้านอย่างหนักจนสุดท้ายหลายทีมก็ยอมถอนตัวจากโปรเจ็กต์นั้น
��� ในช่วงแรกๆ ที่ถอนตัวจากโปรเจ็กต์ดังกล่าวนั้น แฟนบอล ลิเวอร์พูล กลุ่มหนึ่งประท้วงและขับไล่ เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (เอฟเอสจี) กลุ่มทุนเจ้าของทีมหนักมาก เพราะแม้ว่า เอฟเอสจี จะบริหารทีมได้ดีจนทำให้ทีมประสบความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา แต่พวกเขาก็เคยออกนโยบายเชิงลบเหมือนกัน อย่างเช่นการขึ้นค่าตั๋วเยอะเกินไป
��� ทั้งนี้ บอร์ดบริหารของยอดทีมแห่งถิ่น แอนฟิลด์ ก็พยายามที่จะเจรจากับแฟนบอลเพื่อยุติความวุ่นวายให้ได้มาโดยตลอด และก่อนหน้านี้ สปิริต ออฟ แชงค์ลี่ย์ กลุ่มแฟนบอลกลุ่มใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ก็ยื่นเงื่อนไขหลายข้อเพื่อแลกกับการยุติการประท้วง และหนึ่งในนั้นคือการต้องการให้แฟนบอลได้มีตัวแทนในบอร์ดบริหารเพื่อมีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องต่างๆ บ้าง กระทั่งล่าสุด ลิเวอร์พูล ก็บอกเองว่าจะมีการตั้งตำแหน่งใหม่เพื่อแฟนบอลโดยเฉพาะ
��� บิลลี่ โฮแกน ประธานบริหารของ ลิเวอร์พูล เผยว่า "เป้าหมายของการเจรจาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาคือการหาทางออกในระยะยาวที่จะส่งผลดีที่สุดต่อทั้ง ลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับ และต่อแฟนบอลของสโมสร เราอยากได้ทางออกที่เชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่มีความหมาย รวมถึงยังสามารถรักษาความสำคัญกับความปรารถนาของสโมสรได้ต่อไปด้วย มันยังต้องคุยกันอีกหลายอย่าง แต่การตกลงเงื่อนไขหลักๆ ได้แล้วก็ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่"
��� ขณะที่ โจ บล็อตต์ ประธานของ สปิริต ออฟ แชงค์ลี่ย์ บอกว่านโยบายนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ก็ต้องรอให้สมาชิกของพวกเขาร่วมลงมติด้วยว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ "เราเชื่อว่านี่เป็นข้อตกลงที่พิเศษ และสนับสนุนการตอบรับของสโมสร เรามองว่านี่เป็นโอกาสทองที่จะช่วยกำหนดอนาคตของสโมสรของเราได้ รวมถึงทำให้เราได้อยู่ในแถวหน้าของการเปลี่ยนแปลงวงการฟุตบอลโดยรวมด้วย"