���������� ลิเวอร์พูล รายงานผลประกอบการในรอบปีบัญชีจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม ปี 2020 ขาดทุนร่วม 2 พันล้านบาท และยังจ่ายค่าจ้างนักเตะเพิ่มขึ้นอีก 4.8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นช่วงที่สโมสรทั่วโลกต้องหยุดการแข่งขันชั่วคราวตั้งแต่เดือนมีนาคม จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกแรก ก่อนกลับมาแข่งขันต่อแบบปิด ไม่มีแฟนบอลเข้าสนามในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว
���������� นอกจากนี้ "หงส์แดง" ยังแพ้ แอตเลติโก มาดริด ตกรอบ 16 ทีม ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาลที่แล้วด้วย ทำให้มีตัวเลขขาดทุนก่อนหักภาษีอยู่ที่ 46 ล้านปอนด์ (1,978 ล้านบาท) ซึ่งเท่ากับการแกว่งตัวติดลบ 88 ล้านปอนด์ (3,784 ล้านบาท) จาก 12 เดือนก่อนหน้านั้น ทั้งที่เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2020 ยังประกาศผลกำไร 42 ล้านปอนด์ (1,806 ล้านบาท) ซึ่งเป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 6 ปีหลังสุดที่ไม่ขาดทุน
���������� ขณะเดียวกัน ลิเวอร์พูล ยังต้องแบกรับภาระการจ่ายค่าเหนื่อยของนักเตะเพิ่มขึ้นอีก 4.8 เปอร์เซ็นต์ จากเดิม 310 ล้านปอนด์ (13,330 ล้านบาท) เป็น 325 ล้านปอนด์ (13,975 ล้านบาท) ซึ่งตัวเลขนี้เป็นรองแค่ทีมเดียวในพรีเมียร์ลีก นั่นคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
���������� สโมสรประเมินว่าผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ทำให้รายได้ที่ "หงส์แดง" ควรจะได้รับต้องหายไปถึง 120 ล้านปอนด์ (5,160 ล้านบาท) ขณะที่หนี้ภายนอกของสโมสรก็เพิ่มขึ้นจาก 50 ล้านปอนด์ (2,150 ล้านบาท) เป็น 198 ล้านปอนด์ (8,514 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นถึง 296 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว แต่ ดิ แอธเลติก รายงานว่าส่วนสำคัญของยอดหนี้ได้รับการชำระคืนแล้ว
���������� ส่วนผลประกอบการด้านอื่นๆ ของ ลิเวอร์พูล มีดังนี้
���������� รายได้จากสื่อ ลดลง 59 ล้านปอนด์ (2,537 ล้านบาท) เหลือ 202 ล้านปอนด์ (8,686 ล้านบาท)
���������� รายได้จากวันที่มีการแข่งขัน ลดลง 13 ล้านปอนด์ (559 ล้านบาท) เหลือ 71 ล้านปอนด์ (3,053 ล้านบาท)
���������� รายได้เชิงพาณิชย์ เพิ่มขึ้น 29 ล้านปอนด์ (1,247 ล้านบาท) เหลือ 217 ล้านปอนด์ (9,331 ล้านบาท)
���������� รายได้โดยรวม ลดลง 43 ล้านปอนด์ (1,849 ล้านบาท) เหลือ 490 ล้านปอนด์ (21,070 ล้านบาท)