����� ดิ แอธเลติก สื่อประเทศอังกฤษ อธิบายการตีเส้นล้ำหน้าของสองจังหวะที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเกม พรีเมียร์ลีก สัปดาห์นี้ โดยจังหวะแรกเกิดขึ้นในเกม วูล์ฟส์ บุกเอาชนะ ฟูแล่ม 1-0 และล่าสุดที่สนาม แอนฟิลด์ เกมที่ ลิเวอร์พูล เชือด แอสตัน วิลล่า หวุดหวิดช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
��� เกมพรีเมียร์ลีก คืนวันศุกร์ ที่ วูล์ฟส์ บุกยัดเยียดความปราชัยให้แก่ ฟูแล่ม จากประตูของ อดาม่า ตราโอเร่ ทว่าก่อนหน้านั้น ทีมหมาป่า ถูกริบประตูจากการถูกจับล้ำหน้าก่อนที่ วิลเลี่ยน โชเซ่ จะเข้าทำปะตู โดยเป็นทาง ดาเนี่ยล โปเดนซ์ ยืนล้ำหน้าไปเสียก่อน
��� ต่อมาเกมที่ แอนฟิลด์ เมื่อคืนเสาร์ ลิเวอร์พูล บดเอาชนะ แอสตัน วิลล่า ซึ่งในช่วงท้ายครึ่งแรก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ส่งบอลตามตีเสมอทีมเยือนได้สำเร็จ ก่อนที่ห้องวีเออาร์ จะเช็กความถูกต้อง แล้วริบสกอร์คืนเนื่องจาก ดิโอโก้ โชต้า ล้ำเพียงแค่ปลายเล็บ
��� ทั้งสองเหตุการณ์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกับการลากเส้นดักล้ำหน้าของห้อง วีเออาร์ โดยทาง ดิ แอธเลติก ได้อธิบายถึงเรื่องนี้กับภาพการตีเส้นระหว่างที่ผู้ชมทางบ้านเห็นกับห้องวีเออาร์
��� สื่อดังกล่าว แจงว่า ณ ห้อง วีเออาร์ จะใช้จอสกรีนระดับความชัดสูง และซูมเข้าไปเพื่อให้เป็นภาพนิ่ง เมื่อ วีเออาร์ ตีเส้นในแนวดิ่ง หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า 3D line เส้นที่ใช้นั้นจะมีความละเอียดแค่ 1 พิกเซล ซึ่งเป็นการวัดที่ละเอียดมาก
��� จากนั้นเมื่อผู้ตัดสินลากเส้นดังกล่าวได้แล้ว(เส้นแดงกับเส้นเขียว) ก็จะแสดงให้เห็นว่าผู้เล่นนั้นล้ำหน้าหรือไม่ล้ำหน้า แต่ด้วยการที่เส้นสีแดงและสีเขียว(ล้ำกับไม่ล้ำ) ที่ออกมาทางหน้าจอโทรทัศน์มันบางเอามากๆ เนื่องจากความชัดระดับ 1 พิกเซล ทำให้เมื่อเวลาขึ้นจอโทรทัศน์จึงต้องขยายเส้นสองเส้นนั้นให้หน้าขึ้น โดยการขยายนี้จะไม่ส่งผลใดๆ ต่อการตัดสิน
��� สรุปแล้ว ความหมายที่ ดิ แอธเลติก อธิบายก็คือ เส้นสีแดงกับเส้นสีเขียวที่ถูกระบุว่าล้ำหน้าหรือไม่ล้ำหน้านั้น ยามที่ออกหน้าจอโทรทัศน์ จะเป็นคนละขนาดกับที่ผู้ตัดสินในห้อง วีเออาร์ เห็น เนื่องจากภาพที่ออกหน้าจอที่ผู้ชมเห็นทั่วไปได้รับการขยายให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม