����� การพ่าย เรอัล มาดริด ในนัดล่าสุด ทำให้มันเป็นหนแรกในรอบ 16 ปีที่ ลิเวอร์พูล เสียอย่างต่ำ 2 ลูก ในครึ่งแรกของเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อกเอาต์ แถมพวกเขายังไม่สามารถยิงตรงกรอบในช่วง 45 นาทีแรกของศึกชิงถ้วยบิ๊กเอียร์ได้เลยเป็นหนแรกนับตั้งแต่ปี 2014 ด้วย
��� ลิเวอร์พูล เสียประตูอย่างน้อย 2 ลูกตั้งแต่ในช่วงครึ่งแรกของเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อกเอาต์ เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี หลังจากที่พวกเขาออกไปแพ้ เรอัล มาดริด 1-3 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก ที่สนาม อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ เมื่อวันอังคารที่ 6 เมษายน ที่ผ่านมา
��� ก่อนลงเล่นเกมนี้ ลิเวอร์พูล มีกำลังใจดีพอตัวหลังจากเพิ่งบุกไปชนะ อาร์เซน่อล ในเกมลีกมาได้ 3-0 แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขาต้องตามหลัง 2 ลูกตั้งแต่ครึ่งแรก โดยที่ มาดริด ได้ประตูจาก วินิซิอุส จูเนียร์ ในนาทีที่ 27 กับ มาร์โก อเซนซิโอ ในนาทีที่ 36 แม้ว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะทำประตูให้ทีมเยือนได้ในนาทีที่ 51 แต่ วินิซิอุส ก็มาทำลูกที่ 3 ให้กับเจ้าถิ่นได้ในนาทีที่ 65 จนทำให้ "หงส์แดง" เจองานหนักในระดับหนึ่งกับการลงเล่นนัดสอง
��� ทั้งนี้ ครั้งล่าสุดก่อนหน้านี้ที่ ลิเวอร์พูล เสียอย่างต่ำ 2 ลูกตั้งแต่ครึ่งแรกในรอบน็อกเอาต์ของเกมระดับ แชมเปี้ยนส์ ลีก คือรอบชิงชนะเลิศเมื่อฤดูกาล 2004-05 ที่พวกเขาโดน เอซี มิลาน ทิ้งห่างไปก่อน 0-3 ก่อนจะตีเสมอได้ 3-3 และไปชนะในช่วงดวลจุดโทษ
��� นอกจากนี้ นี่ยังเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2014 ที่ ลิเวอร์พูล ไม่มีชอตยิงตรงกรอบในช่วงครึ่งแรกของเกมระดับ แชมเปี้ยนส์ ลีก แม้แต่ครั้งเดียวเลยด้วย ซึ่งเหตุการณ์เมื่อปี 2014 นั้น คู่แข่งของพวกเขาก็คือ มาดริด เหมือนกัน โดยเป็นการเตะกันในรอบแบ่งกลุ่ม และผลในวันนั้นก็จบลงด้วยชัยชนะ 1-0 ของ "ราชันชุดขาว"