ราฮีม สเตอร์ลิ่ง หนึ่งในแข้งดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองและพูดถึงมากที่สุดของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล
สเตอร์ลิ่ง ไม่ใช่เด็กปั้นของลิเวอร์พูลแต่แรก แต่ทีมหงส์แดงนั้นไปคว้าตัวมาจาก ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ในวัยที่ผ่านวันเกิดครบรอบ 15 ปีมาแค่ 2 เดือนเท่านั้น ด้วยค่าตัว 600.000 ปอนด์ในช่วงต้นปี 2010 ซึ่งค่าตัวของเขานั้นสิทธิพุ่งสูงถึง 5 ล้านปอนด์ขึ้นอยู่กับจำนวนการลงสนามในอนาคต
ลิเวอร์พูลส่ง สเตอร์ลิ่ง ไปขัดเกลาฝีเท้ากับทีมยู 18 ถึงแม้จะเป็นทีมที่โตกว่าวัย ของเขาหลายปี แต่สเตอร์ลิ่งก็ไม่ได้มีปัญหาในการเล่นเลย เพราะแค่เกมแรก เขาก็สามารถทำประตูให้ตัวเองได้จากการยิงใส่ เอฟเวอร์ตัน ในมินิ เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้แมทช์เสียแล้ว จนได้รับคำชมมากมาย
จากผลงานในนัดนั้นเองทำให้ สเตอร์ลิ่ง ได้รับการยอมรับและแจ้งเกิดอย่างเต็ม ตัวในทีมลิเวอร์พูล ยู 18
และ จากฟอร์มที่น่าประทับใจตลอดปีแรกที่ย้ายมาอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์นี่เอง ทำให้ในช่วงซัมเมอร์ปี 2010 รอย ฮอดจ์สัน ได้เรียกตัวเขามาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ และก็ได้ให้โอกาสลงสนาม เป็นตัวสำรองในเกมอุ่นเครื่องกับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัด ซึ่งในเวลานั้นเจ้าหนูรายนี้มีอายุแค่ 15 ปีกับอีก 8 เดือนเท่านั้น
ไฮไลท์ของ สเตอร์ลิ่ง ในฤดูกาล 2010-11 ที่ผ่านมาก็คือ เขาถูก เคนนี่ ดัลกลิช ใส่ชื่ออยู่ในทีมชุดที่เดินทางไปแข่งยูโรป้า ลีก กับ สปาร์ต้า ปราก ซึ่งหากเขาได้ ลงสนามก็จะกลายเป็นนักเตะหงส์ที่อายุน้อยที่ลงสนามแทนที่ แจ็ค โรบินสัน ทันที แต่ทว่าในเกมนั้น ดัลกลิช ตัดสินใจไม่ส่งเขาลง เพราะไม่ต้องการไปสร้าง แรงกดดันให้กับแข้งดาวรุ่งรายนี้
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ได้เล่นในทีมชุดใหญ่ สเตอร์ลิ่งก็ยังกลับมาเล่นให้ทีมยู 18 ด้วยความมุ่งมั่นและแรงกระตุ้นเต็มเปี่ยมเหมือนเดิม เขาซัดคนเดียว 5 ประตู ช่วยให้ทีมเอาชนะ เซาธ์เอนด์ ถึง 9-0 ในเอฟ เอ ยูธ คัพ เดือนกุมภาพันธ์ 2011 หลังจากนั้นก็ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจนมีกระแสให้ ดัลกลิช รีบดึงเขา มาลองสัมผัสเกมในระดับที่สูงกว่าดูบ้าง
แม้ว่าจะเกิดในจาไมก้า แต่ในช่วงซัมเมอร์ 2011 สเตอร์ลิ่ง ก็ถูกทีมชาติอังกฤษ ยู 17 เรียกตัวไปติดทีมเพื่อลงทำศึกฟุตบอลโลก ยู 17 ที่เม็กซิโก ซึ่งสเตอร์ลิ่งก็ยัง พกฟอร์มสดมาแข่ง เมื่อทำประตูแรกในนามทีมชาติได้สำเร็จจากลูกยิงไกล สุดสวยในเกมพบกับ รวันดา นัดเปิดสนาม จากนั้นก็มาทำประตูได้อีกในเกมที่ทีม เอาชนะ อาร์เจนติน่าในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
อย่างไรก็ตามทีมชาติอังกฤษชุดนี้ไปไม่ถึงฝั่งฝันเพราะไปพ่ายต่อ เยอรมัน 2-3 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่ชื่อของ สเตอร์ลิ่ง ก็กลายเป็นนักเตะที่ถูกคาดหมายว่า จะเป็นสตาร์ในอนาคตไปเรียบร้อยแล้ว
ในช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมา ดัลกลิช ได้ให้โอกาส สเตอร์ลิ่ง ได้มีส่วนร่วมกับเกม ของทีมชุดใหญ่อีกครั้ง โดยส่งเขาลงสนามไปลากเลื้อยแทน สจ้วร์ต ดาวนิ่ง ในเกมที่เสมอกับ วาเลเรนก้า 3-3 และ ซึ่งแฟนๆ เชื่อว่าในฤดูกาลใหม่นี้ สเตอร์ลิ่ง น่าจะมีโอกาสได้ลงสนามให้ทีมชุดใหญ่เสียที |