������� "หงส์แดง" งัดฟอร์มสุดยอดหลังบุกไปคว้าชัยเหนือ บาเยิร์น มิวนิค แบบสนุก 3-1 จาก เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ และ ซาดิโอ มาเน่ ที่เหมาคนเดียวสองประตูให้ทีมบุกตบเสือใต้ ฉลุยรอบ 8 ทีม แชมเปี้ยนส์ ลีก และเป็นหนแรกในรอบ 10 ปี นับแต่ฤดูกาล 2008-09 เลยทีเดียวที่มี 4 สโมสรจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษเข้ามาเล่นในรอบก่อนรองชนะเลิศ ทว่าเกมหน้าจะไร้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายตัวเก่งที่ติดโทษแบน
������� สนาม : อลิอันซ์ อารีน่า (ผลการแข่งขันนัดแรก เสมอกัน 0-0)
������� ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ได้กลับมาเฝ้ารังรับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล บ้างหลังเกมแรกทำอะไรกันมาไม่ได้ เสมอแบบไร้สกอร์ 0-0
������� นิโก้ โควัช นำ "เสือใต้" กลับมาสู่ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมอีกครั้ง หลังล่าสุดไล่ถล่ม โวล์ฟสบวร์ก 6-0 ทะยานนำจ่าฝูง บุนเดสลีกา เรียบร้อยแล้ว เกมนี้เจ้าถิ่นจะขาด โยชัว คิมมิช และโธมัส มุลเลอร์ ที่ติดโทษแบน กระนั้นไม่มี ปัญหาแนวรุกยังเป็นชุดเดิม โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยืนหน้าเป้า ขณะที่ ฟร้องค์ ริเบรี่ ออกสตาร์ทตัวจริงปั้นเกมรุกสนับสนุนร่วมกับ แซร์จ นาบรี้ และฮาเมส โรดริเกซ
������� ส่วนทางฝั่ง "หงส์แดง" ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่แพ้ทีมใดมา 10 เกมติดทุกรายการแล้ว ล่าสุดเอาชนะเบิร์นลี่ย์ 4-2 ไล่จี้จ่าฝูง แมนฯซิตี้ แต้มเดียวเท่านั้น ขณะที่ความพร้อมวันนี้ได้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ พ้นโทษแบนมาบัญชาเกมรับ แต่ข่าวร้ายคือ นาบี เกอิต้า เจ็บทำให้ไม่มีชื่อเดินทางมาเยอรมัน ทำให้แดนกลาง มีเจมส์ มิลเนอร์ ทำหน้าที่ร่วมกับจอร์แดน เฮนเดอร์สัน และจอร์จินโย่ ไวนัลดุม ส่วน 3 ประสานแดนหน้ายังเหมือนเดิม โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่และซาดิโอ มาเน่��
������� เกมครึ่งแรก ต้องรอถึง นาทีที่ 9 เป็นโอกาสแรกของ "เสือใต้" ที่ได้ทักทายทีมเยือนก่อน หลังแนวรับหงส์แดงเล่นกันผิดพลาดปล่อยให้บอลมาเข้าเท้า ติอาโก้ วิ่งมาแปด้วยขวานอกกรอบแต่บอลเหินโด่งข้ามคานไป
������� อีกสองนาทีต่อมา แฟนบอลเสือใต้ส่งเสียงโห่ หลังผู้ตัดสินไม่เป่าให้ จุดโทษ จากจังหวะที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปในกรอบก่อนจะโดน ฟาน ไดค์ มาเบียดล้มลงไป
������� นาที 13� เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกอย่างรวดเร็ว หลัง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เจ็บจนเล่นต่อไม่ไหวทำให้ต้องส่ง ฟาบินโญ่ ลงมาเล่นแทน
������� "หงส์แดง" เริ่มครองบอลได้มากขึ้น นาที 25 โอกาสยิงครั้งแรกของทีมได้ลุ้นทีเดียว เมื่อ ฟีร์มีโน่ พลิกตัวตะบันด้วยขวานอกกรอบบอลพุ่งแรงหลุดกรอบออกไปแบบได้เสียว
������� แต่แล้ว นาทีถัดมา เสียงแฟนบอลเจ้าถิ่นต้องเงียบกันกริบเลย เมื่อ ลิเวอร์พูล ทะลวงตาข่ายชิงขึ้นนำก่อนทันที บอลวางยาวจาก ฟาน ไดค์ มาถึง ซาดิโอ มาเน่ เอาบอลลงด้วยขวาอย่างเหนือชั้นก่อนจะหมุนหลบ มานูเอล นอยเออร์ ที่ออกมาเร็ว แล้วพลิกตัวชิพบอลเข้าไปโล่งๆ อย่างเยือกเย็น ให้ "หงส์แดง" ขึ้นนำ 1-0
������� สกอร์นี้ทำให้ "เสือใต้" ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก เพราะโดนมายิงถึงบ้านเป็นอเวย์โกลของลิเวอร์พูล แน่นอนไม่มีการต่อเวลาฯเกิดขึ้น
������� เกมรุกของ เร้ด แมชีน ได้ลุ้นเรื่อยๆ นาที 34 มาเน่ แทงบอลให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน หลุดเข้าไปอัดด้วยซ้ายข้างถนัด บอลพุ่งไปชนแขน นอยเออร์ ออกหลังไป
������� กระนั้น นาที 39 บาเยิร์น มิวนิค มาทวงประตูไล่ตีเสมอ 1-1 จนได้ บอลยาวจากแนวรับเสือใต้ทิ้งมาให้ แซร์จ นาบรี้ หลุดเข้าไปกึ่งยิงกึ่งผ่านบอลไปโดน โฌแอล มาติป ที่วิ่งมาจิ้มบอลเข้าประตูตัวเองไป ทว่ารวมสองนัดสกอร์ 1-1 แต่ "หงส์แดง" ยังได้เปรียบที่จะเข้ารอบตามกฎอเวย์โกล
��������� นาที 43 ฟาบินโญ่ มาตัดฟาวล์ใส่ ฮาเมส โรดริเกซ หน้ากรอบกว่า 25 หลา จนได้ใบเหลืองไป แม้จังหวะฟรีคิกของ อลาบา ปั่นข้ามกำแพงไปเข้ามือของ อลิสซอน
������� ช่วงนาทีสุดท้ายครึ่งแรก "เสือใต้" ทิ้งโอกาสทองในการพลิกแซงขึ้นนำแบบน่าเสียดาย เมื่อ นาบรี้ แทงบอลจากด้านขวาให้ เลวานดอฟสกี้ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปแตะบอลหนี อลิสซอน ได้แล้วแต่บอลมันพุ่งแรงไปกลิ้งเฉียดเสาออกไปชนิดทำให้แฟนหงส์ใจหายใจคว่ำ
������� จบครึ่งแรก บาเยิร์น มิวนิค ยังเสมอกับ ลิเวอร์พูล 1-1
������� กลับมาบู๊กันต่อในครึ่งหลัง แค่นาที 50 แฟนหงส์หวิดได้กรี๊ดลั่นเลย เมื่อ โม ซาลาห์ พาบอลกระชากเข้าไปอัดด้วยขวาเต็มแรงแต่บอลพุ่งไปตรงตัว นอยเออร์ ที่ช่วยเซฟไว้ได้
������� เกมเข้าสู่นาที 60 เป็นโอกาสของ "เสือใต้" บ้าง คราวนี้ แซร์จ นาบรี้ ได้บอลทะลุถึงเส้นหลังก่อนครอสบอลมาหน้าปากประตูให้ เลวานดอฟสกี้ พุ่งเข้าชาร์จไม่ทันก่อนไหลผ่านหน้าประตูออกข้างไป
������� นาที 61 บาเยิร์น มิวนิค ถอดเอา ฟร้องค์ ริเบรี่ ออกแล้วส่ง คิงส์ลี่ย์ โกมัน ลงเล่นแทน
������� นาที 67� เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เรียกเสียงฮือฮา หลังเปิดคอนเนอร์เกือบจะโค้งเสียบเสาสองดีที่ นอยเออร์ พุ่งถอยหลังมาปัดบอลออกทัน
������� และจากจังหวะเตะมุมต่อเนื่องอีกนาทีเดียวต่อมา "หงส์แดง" มาแซงขึ้นนำเป็น 2-1 อีกครั้ง บอลจาก เจมส์ มิลเนอร์ส เปิดบอลโค้งมากลางประตูให้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ทะยานขึ้นโขกเต็มหัวส่งบอลซุกก้นตาข่าย ชนิดที่ นอยเออร์ ได้แต่ยืนขาตาย
������� นาที 75 โอกาสกาสของ ลิเวอร์พูล อีกครั้งเกือบจะได้ประตูหนีห่างเจ้าถิ่น หลัง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตะลุยเลี้ยงบอลแหวกแนวรับเจ้าถิ่นเข้าไปจะยิงด้วยซ้ายอยู่แล้ว แต่โดน ซือเล่ จิ้มบอลไว้ได้ทัน ก่อนที่ นอยเออร์ จะสกัดบอลพ้นระยะอันตรายอีกที
������� โอกาสเข้าทำดูจะเป็นของฝั่งทีมเยือนมากกว่า นาที 80 โรแบร์โต้ ฟรี์มีโน่ จับบอลนอกกรอบก่อนจะวางเท้าส่องไกลแต่บอลยังไม่ดีพอจะผ่านมือ นอยเออร์ ที่รับไว้ได้ไม่มีปัญหา
������� นาที 84 แฟนเสือใต้ใจสลาย เมื่อ ลิเวอร์พูล มาได้ประตูหนีห่างเป็น 3-1 บอลเริ่มจาก โอริกี้ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาถ่ายบอลออกทางขวาให้ ซาลาห์ เปิดด้วยซ้ายติดไซด์ก้อย บอลข้ามหัวแนวรับมาถึง ซาเน่ เทกตัวโขกเต็มกบาลเสียบมุมตาข่าย เป็นประตูที่สองของดาวยิงชาวเซเนกัลในเกม
������� ช่วงทดเวลาเจ็บ น. 90+2 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายหงส์แดงต้องมาโดนใบเหลือง ทำให้ครบโควต้าสองใบเหลืองติดโทษแบนเกมต่อไป
������� ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม ลิเวอร์พูล บุกมาคว้าชัยเหนือ บาเยิร์น มิวนิค 3-1 สกอร์รวมสองนัดผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยประตูรวม 3-1 โดยถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี เลยทีเดียวที่มี 4 ทีมจากอังกฤษ ทั้ง แมนฯซิตี้, แมนฯยูฯ, สเปอร์ส และลิเวอร์พูล ต่างทะยานเข้ามาเล่นในรอบก่อนรองชนะเลิศนี้
������� รายชื่อผู้เล่นลงสนาม���
������� บาเยิร์น มิวนิค (4-2-3-1) : มานูเอล นอยเออร์ - ราฟินญ่า, นิคลาส ซือเล่, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, ดาวิด อลาบา - ฆาบี มาร์ติเนซ (ลีออน กอเร็ตซ์ก้า น.72), ติอาโก้ อัลกันตาร่า - แซร์จ นาบรี้, ฮาเมส โรดริเกซ (เรนาโต้ ซานเชซ น.79), ฟร้องค์ ริเบรี่ (คิงสลี่ย์ โกมัน น.61) - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
������� เทรนเนอร์ : นิโก้ โควัช�
������� ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ฟาบินโญ่ น.13), เจมส์ มิลเนอร์ (อดัม ลัลลาน่า น.87), จอร์จินโย่ ไวนัลดุม - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (ดิว็อค โอริกี้ น.83), ซาดิโอ มาเน่��
������� เทรนเนอร์ : เจอร์เก้น คล็อปป์�
������� ผู้ตัดสิน : ดานิเอเล่ ออร์ซาโต้ (อิตาลี)