���� ลิเวอร์พูล ฟอร์มยังสุดยอดเยี่ยมกระเทียมดองหลังบุกไปอัดเบิร์นลี่ย์แบบไม่ยาก 3-0 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา คว้าชัย 4 นัดติดมี 12 คะแนนเต็ม แซง "เรือใบสีฟ้า" ขึ้นไปนั่งจ่าฝูงเหมือนเดิม อีกทั้งยังสร้างสถิติใหม่ของสโมสร เมื่อคว้าชัยในลีก 13 นัดติดต่อกันนับแต่ปี 1990
��� สนาม : เทิร์ฟ มัวร์
��� "หงส์แดง" ชนะรวดมา 3 แมตช์ติดต่อกันในลีก มี 9 คะแนนเต็ม แมตช์นี้บุกมาเยือน เบิร์นลี่ย์ ซึ่งฟอร์มล่าสุดไม่ชนะใครมา 3 เกมติดต่อกันรวมทั้งล่าสุดที่เพิ่งร่วง คาราบาว คัพ คาบ้านให้แก่ ซันเดอร์แลนด์ เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
��� ฌอน ไดช์ กุนซือเจ้าถิ่นยังวางแนวรุกตัวเด็ดทิ้ง คริส วู้ด และแอชลี่ย์ บาร์นส์ ขณะที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังใช้ขุมกำลังชุดเดิมจากเกมที่ไล่ถลุง อาร์เซน่อล มาเมื่อวีกที่แล้ว แนวรุกสามหน้ายังใช้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่��
��� เริ่มเกมมาไม่ถึงนาที "หงส์แดง" ได้ทักทายเจ้าถิ่นก่อนเลย หลังฟาบินโญ่เก็บบอลแถวสองก่อนตะบันไกลแต่บอลเหินคานไปไกล
��� จากนั้น นาที 2 แฟนเบิร์นลี่ย์เกือบได้เฮบ้าง เมื่อบอลวางยาวจาก แม็ทธิว โลว์ตัน ข้ามหัวแนวรับหงส์แดงให้ คริส วู้ด สปีดตามไปเก็บแล้วล็อกบอลหนี ฟาน ไดจ์ค ก่อนจะซัดด้วยซ้ายเล่นทางเสาไกลแต่ดีที่ อาเดรียน ยังพุ่งปัดปลายนิ้วช่วยทีมไว้ได้
��� บอลแลกกันสนุก ถัดมา นาทีที่ 5 ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสชิงขึ้นนำหลัง ซาดิโอ มาเน่ เก็บบอลได้ก่อนไหลออกขวาให้� โมฮาเหม็ด ซาลาห์ วิ่งมาปั่นด้วยซ้ายบอลพุ่งติดปลายนิ้วของ นิค โพ๊พ ก่อนไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย
��� นาที 18 บอลสวนกลับของเจ้าถิ่นได้ลุ้นอีก คราวนี้ ดไวท์ แม็คนีล ได้บอลนอกกรอบก่อนจะตั้งป้อมซัดไกลแต่บอลยังไปติดบล็อก โฌแอล มาติป ก่อนไปเข้ามือ อาเดรียน
��� นาที 22 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พาบอลขึ้นมาเองฝากเล่นชิ่งกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก่อนบอลหลุดเข้าไปถึงดาวเตะชาวอียิปต์แต่บอลห่างพยายามจิ้มแต่โดน นิค โพ๊พ ออกมาขวางบล็อคบอลก่อนกระดอนมาโดนหน้าแข้งของ ซาลาห์ พุ่งเฉียดเสาแบบหวุดหวิด
��� แต่แล้ว นาที 34 ลิเวอร์พูล มาไดประตูขึ้นนำจนได้ 1-0 บอลสวนกลับขึ้นมาทางขวา จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไหลคืนหลังให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ตั้งใจครอสเข้าหน้าประตูแต่บอลไปแฉลบไหล่ คริส วู้ด ก่อนจะเปลี่ยนทางย้อยเสียบเสาเหลี่ยมเสาไกลเข้าประตูตัวเองไปชนิดที่ นิค โพ๊พ ได้แต่ยืนมอง
��� อีก 4 นาทีต่อมา แฟนเบิร์นลี่ย์เงียบกริบอีกรอบ หลัง เบน มี ทำพลาดง่ายเมื่อจ่ายบอลไปให้� โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ก่อนดาวเตะทีมชาติบราซิลจะควบจากกลางสนามแล้วแอสซิสต์นิ่มๆ ให้ ซาดิโอ มาเน่ วิ่งมาแปด้วยขวาผ่านนิค โพ๊พ เข้าประตูไป ลิเวอร์พูล หนีเจ้าถิ่น 2-0
��� จบครึ่งแรก เบิร์นลี่ย์ ตามหลัง ลิเวอร์พูล 0-2
��� ครึ่งหลัง นาที 59 "หงส์แดง" มาได้ลูกฟรีคิกนอกกรอบทางซ้ายหลัง ฟาบินโญ่ โดนเจมส์ ทาร์คอฟสกี้ขวางไม่ให้ไป และจากลูกฟรีคิก เทรนท์ ไหลเลียดเข้าไปให้ โม ซาลาห์ อัดไปติดบล็อกเจ้าถิ่นอย่างน่าเสียดาย
���
��� ก่อนอีก 3 นาที ซาลาห์ จะได้ลุ้นอีกจากจังหวะพาบอลเข้ามาแล้วเลี้ยงตัดเข้าหน้าปากประตูก่อนจะขืนเล่นล็อกเข้าขวาข้างไม่ถนัดแล้วยิงแต่บอลน้ำหนักเบาไปเข้ามือ นิค โพ๊พ
��� นาที 71 เยอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนตัวคนแรกส่ง อเล็กซ์ อ๊อกเลด-แชมเบอร์เลน ลงมาแล้วแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ส่วนเจ้าถิ่นเปลี่ยนบ้างอีกหนึ่งนาทีต่อมาถอดเอา แอชลี่ย์ บาร์นส์ ออกแล้วส่ง เจย์ โรดริเกซ ลงไปเล่นแทน
��� นาที 78 บอลสวนกลับของ "หงส์แดง" ตอบโต้ขึ้นมาไวบอลไหลมาถึง อเล็กซ์ อ๊อกเลด-แชมเบอร์เลน ได้กดกว่า 30 หลา บอลพุ่งแรงทว่าไปตรงตัว นิค โพ๊พ รับเข้ามือไว้ได้
��� กระนั้น นาที 80 แฟนเดอะ ค็อปได้เฮลั่นสมใจอีก เมื่อ ลิเวอร์พูล มาได้ประตูที่สาม บอลจากแดนหลัง โฌแอล มาติป คลายบอลฝากเข้ากลางให้ ฟีร์มิโน่ ก่อนจะแทงออกขวาให้ ซาลาห์ ตามไปเก็บบอลก่อนจะเลี้ยงตัดเข้ากลางบอลยาวไปเข้าทาง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ วิ่งมาซัดด้วยขวาลอดขา ทาร์คอฟสกี้ เข้าไป ให้ "หงส์แดง" ทะยานนำโด่ง 3-0
��� ช่วงนาทีสุดท้าย หงส์แดง เกือบโดนตีไข่แตก เมื่อ เจย์ โรดริเกซ ได้โอกาสยิงในกรอบแต่บอลจังหวะสุดท้ายไปติดเซฟของ อาเดรียน ไว้ก่อน
��� จบเกม ลิเวอร์พูล บุกถล่ม เบิร์นลี่ย์ 3-0 เก็บคลีนชีตได้เป็นเกมแรก อีกทั้งคว้าชัยรวด 4 ในติด มี 12 แต้มเต็ม แซง แมนฯซิตี้ ขึ้นนำจ่าฝูงเหมือนเดิม พร้อมทำสถิติคว้าชัยในลีกติดต่อกันเป็นเกมที่ 13 นับแต่ปี 1990 (ดิวิชั่น 1 เดิม) ยุคของผู้จัดการทีม เคนนี่ ดัลกริช
������� รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
���
������� เบิร์นลี่ย์ (4-4-2) : นิค โพ๊พ - แม็ทธิว โลว์ตัน, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, เบน มี, เอริค ปีเตอร์ส - อารอน เลนน่อน, แจ็ค คอร์ค, แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด, ดไวท์ แม็คนีล - คริส วู้ด, แอชลี่ย์ บาร์นส์ (เจย์ โรดริเกซ น.72)�
������� ผู้จัดการทีม : ฌอน ไดช์�
������� ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อาเดรียน - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น.71), ฟาบินโญ่, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ (เซอร์ดาน ชากิรี่ น.85), ซาดิโอ มาเน่ (ดิว็อก โอริกี้ น.85)
������� ผู้จัดการทีม : เยอร์เก้น คล็อปป์
������� ผู้ตัดสิน : คริส คาวานาห์