เจมี คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลังดังของลิเวอร์พูล มองว่าการที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ฟอร์มไม่ร้อนแรงเหมือนฤดูกาลก่อน มีผลมาจากการปรับเปลี่ยนระบบการเล่นในแดนกลาง และการปรับเปลี่ยนผู้เล่นทางฝั่งขวาของ 'หงส์แดง' ในฤดูกาลนี้
ซาลาห์เริ่มต้นฤดูกาลนี้ โดยยิงได้เพียง 3 ประตูและทำอีก 3 แอสซิสต์จาก 10 นัดแรก
ฤดูกาลที่แล้ว ซาลาห์ ยิงไปถึง 34 ประตู และแอสซิสต์ไปถึง 23 ครั้ง จาก 52 เกมรวมทุกรายการ แต่ในฤดูกาลนี้ฟอร์มของเขาเริ่มช้ากว่ามาตรฐานเดิม ซึ่งคาร์ราเกอร์ได้อธิบายผ่านบทความใน เทเลกราฟ ถึงสาเหตุสำคัญที่อยู่เบื้องหลัง
หนึ่งในเหตุผลที่เขาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อฤดูกาลก่อน คือเพราะ อาร์เน่อ สล็อต สร้างระบบทีมโดยใช้แนวทาง เสี่ยงแลกเพื่อหวังผลตอบแทน โดยมีซาลาห์เป็นศูนย์กลาง
สล็อตให้เขายืนสูงขึ้นในแดนหน้า แทนที่จะต้องถอยลงมาช่วยเกมรับตลอดเวลา พร้อมวางใจให้ (โดมินิค) โซโบซไล, (เทรนต์) อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หรือ (อิบราฮิมา) โกนาเต้ คอยช่วยป้องกันฝั่งขวาเมื่อโดนสวนกลับ
แต่การปรับโครงสร้างมิดฟิลด์ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นในตำแหน่งฟูลแบ็ก และฟอร์มที่ไม่คงเส้นคงวาของโกนาเต้ ทำให้คู่แข่งเริ่มมองเห็นช่องว่างในฝั่งขวาของลิเวอร์พูลมากขึ้น
คาร์ราเกอร์ยังชี้ว่า ตัวเลขสถิติก็น่ากังวล เพราะซาลาห์สร้างโอกาสได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉลี่ยเพียง 1.69 คีย์พาสต่อ 90 นาที จากเดิมที่เคยทำได้ 2.23 ครั้งต่อเกมในฤดูกาลก่อน
ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดคือการจบสกอร์ เขาพลาดโอกาสสำคัญถึงสามครั้งในเกมกับเชลซี ซึ่งอาจเปลี่ยนผลการแข่งขันได้เลย
สิ่งที่น่าห่วงกว่าคือ สถิติชี้ให้เห็นว่าปัญหาของซาลาห์ยืดเยื้อมาตั้งแต่เดือนมีนาคมแล้ว ใน 21 เกมหลังสุดกับลิเวอร์พูล เขายิงได้เพียง 5 ประตู (รวมจุดโทษ 2 ลูก) จากที่เคยซัดถึง 32 ลูกใน 42 เกมก่อนหน้านั้น
ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ประตูเดียวที่เขายิงได้จากจังหวะโอเพ่นเพลย์คือเกมกับบอร์นมัธ ซึ่งนั่นจำเป็นต้องเปลี่ยน หากเขาไม่อยากให้คนพูดกันว่า ช่วงพีคของเขาผ่านไปแล้ว
ทั้งนี้ ลิเวอร์พูลมีคิวเปิดแอนฟิลด์รับการมาเยือนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คืนวันอาทิตย์นี้ ซึ่งอาจเป็นโอกาสทองที่ ซาลาห์ จะกลับมาระเบิดฟอร์มอีกครั้ง หลังจากเคยมีส่วนร่วมกับประตูถึง 19 ครั้ง ในการเจอกับ ปีศาจแดง ตลอดอาชีพค้าแข้งของเขา