����� ซาดิโอ มาเน่ หัวหอกความเร็วสูงทีมชาติเซเนกัล เปิดใจชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบกว่าจะมาเป็นโคตรซูเปอร์สตาร์ที่นำ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก ระบุวัยเด็กสุดแสนลำเค็ญทิ้งการเรียนหนีออกจากบ้านเพื่อตามฝันเป็นนักเตะอาชีพ แถมตอนทดสอบฝีเท้าก็ต้องทนกับสายตาแปลกๆ ที่เห็นเสื้อผ้าและรองเท้าสตั๊ดของตนเองสุดอนาถา
��� ซาดิโอ มาเน่ สตาร์ดัง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรขวัญใจมหาชนแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดใจถึงช่วงเวลาในวัยเยาว์ที่สุดแสนยากลำบาก และต้องใช้ความพยายามอย่างหนักกวาจะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในสุดยอดนักเตะระดับโลกในปัจจุบัน
��� หัวหอกทีมชาติเซเนกัล ซึ่งพลาดลงเล่นเกมเปิดสนามแมตช์ชนะ แทนซาเนีย 2-0 ในศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ เมื่อวันจันทร์เนื่องจากติดโทษแบน ไม่ได้มีชีวิตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเพราะกว่าที่เจ้าตัวจะได้เป็นนักเตะขวัญใจมหาชนต้องผ่านเรื่องราวที่สุดแสนยากลำเค็ญตั้งแต่พยายามออกจากบ้านที่แสนยากจนมุ่งหน้าสู่เมืองดาการ์ เพื่อเดินตามฝันในการเป็นพ่อค้าแข้งอาชีพ
��� ในเวลานั้น มาเน่ ต้องยอมขัดใจพ่อแม่ด้วยการออกจากโรงเรียน แต่ด้วยความอุตสาหะที่จะเดินตามฝันในที่สุดก็สามารถผ่านเข้าไปยังโรงเรียนลูกหนังประเทศเซเนกัล และได้โอกาสย้ายไปค้าแข้งให้กับ เม็ตซ์ สโมสรดังในฝรั่งเศส ก่อนจะย้ายไปอยู่ เรด บูลส์ ซัลซ์บวร์ก, เซาธ์แฮมป์ตัน และล่าสุดกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งเขามีส่วนช่วยนำสโมสรคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นล่าสุด
��� มาเน่ ซึ่งจะสวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติเซเนกัล และมุ่งมั่นที่จะนำประเทศคว้าแชมป์ แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ เป็นครั้งแรกให้ได้ กล่าวว่า "ผมเตรียมพร้อมทุกอย่างเอาไว้แล้ว และรู้ว่าตัวเองไม่มีเงินซักแดงเดียว ช่วงที่อาทิตย์อัสดง ผมซ่อนกระเป๋าเอาไว้ในทุ่งหญ้าสูงที่อยู่หน้าบ้านผม� เป็นกระเป๋ากีฬาพร้อมกับของส่วนตัวของผม ดังนั้นผมไม่จึงไม่รู้สึกตื่นเต้นกับการต้องหนีออกจากบ้าน"
��� "ในช่วงเช้าตรู่ของอีกวัน ประมาณ 06.00 น. ผมรีบแปรงฟัน และไม่อาบน้ำ ผมหนีออกมาโดยที่ไม่บอกใครเลย ยกเว้นเพื่อนสนิทของผม ผมใช้เวลาเดินนานมากเพื่อไปพบกับเพื่อนซึ่งให้ผมยืมเงิน นั่นทำให้ผมมีเงินที่จะขึ้นรถบัสเพื่อไปเมืองดาการ์ ที่นั่นผมได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากครอบครัวซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย"
��� "ทันทีที่ผมมีโอกาสได้ลงฝึกซ้อมผมก็ได้รับการยอมรับจากหลายๆ สโมสร ขณะที่พ่อแม่ของผมพยายามตามหาผมทุกหนทุกแห่ง พวกท่านเชื่อว่าเพื่อนซี้ของผมต้องรู้ว่าผมอยู่ที่ไหน เขาปิดปากเงียบไม่ยอมบอกอะไรทั้งนั้น แต่ครอบครัวของผม และเพื่อนของผมซึ่งโดนกดดันอย่างหนัก ในที่สุดเขาก็ต้องยอมบอก"
��� "พ่อแม่ของผมโทรมาหาผมว่าอยากให้ผมกลับบ้าน ผมไม่อยากกลับเพราะผมอายมากที่จะกลับไปที่นั่น แต่สุดท้ายก็มีข้อตกลงกันว่าพวกท่านจะปล่อยให้ผมได้พยายาม และโชคดีกับการเล่นฟุตบอลทันทีที่ผมเรียนจบ" สตาร์ลูกหนัง ลิเวอร์พูล กล่าว
��� ขณะเดียวกัน มาเน่ เผยว่าเขาต้องพยายามอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเองในการทดสอบฝีเท้าครั้งแรก "มีนักเตะดาวรุ่ง 200 หรือ 300 คนที่รอคอยโอกาสของพวกเขา มันเป็นการเริ่มต้นที่แย่มากๆสำหรับผม เพราะตอนที่ผมแนะนำตัวเอง มันน่าขำมากๆ ผมไม่ได้ดูเหมือนนักฟุตบอลเลย ผมสวมกางเกงที่ไม่ใช่กางเกงสำหรับเล่นฟุตบอล"
��� "ขณะที่รองเท้าสตั๊ดของผมก็ขาดวิ่นทั้งสองด้าน แถมยังมีรอยปะที่ผมใช้ด้ายสอยเท่าที่ผมจะทำได้ มีหลายคนที่มาทดสอบฝีเท้ามองผมพร้อมกับแสดงสีหน้าแปลกๆ ประมาณว่า -นายอยากเป็นนักฟุตบอลจริงๆ เหรอ ?- ผมเข้าใจพวกเขาแต่ผมไม่มีทางเลือก เพราะผมไม่ได้รู้สึกแย่ที่พวกเขาจ้องมองผม แต่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นในการผจญภัยของผมต่างหาก" มาเน่ ระบุ