������� ดิว็อค โอริกี้ กองหน้ามหาเทพค่ายลิเวอร์พูลไม่ขอเอาดีใส่ตัวแม้เป็นคนซัลโวสองประตูสุดสำคัญเหนือ บาร์เซโลน่า 4-0 ช่วยทีมพลิกสถานการณ์ผ่านเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอย่างเหลือเชื่อ
������� เกมนี้หัวหอกทีมชาติเบลเยี่ยมได้รับโอกาสลงตัวจริงแทน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่เจ็บลงเล่นไม่ได้ และเขาตอบแทนความไว้วางใจซัดเบิกร่องให้ทีมขึ้นนำเร็วตั้งแต่ 7 นาทีแรกก่อนจะสวมบทฮีโร่ซัดประตูชัยในนาที 79
������� หลังจบแมตช์เจ้าตัวถึงกับยอมรับว่าเป็นความรู้สึกที่ยากเกินบรรยายจริงๆกับผลการแข่งขันที่โกงความตายจากเลกแรกที่แพ้ 0-3 แต่พลิกสถานการณ์ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ปีติดต่อกัน
������� "ผมคิดว่ามันควรเป็นเครดิตของทีมมากกว่า เราทำได้ดีมากๆ เราสู้ไม่ถอยและเรารู้ดีว่าจะต้องทำให้เป็นค่ำคืนที่พิเศษออกมาให้ได้ เราสู้เพื่อคนที่เจ็บแล้วไม่ได้ลงด้วย" โอริกี้เอ่ยถึงสองดาวยิงร่วมสังกัดทั้ง โม ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟิร์เมียโน่
������� "มันวิเศษสุดๆ มันยากจะบรรยายเป็นคำพูดออกมา คุณสามารถรู้สึกรับรู้ถึงบรรยากาศแบบนี้ คุณสามารถได้ยินความเป็นสุดยอดแบบนี้ มันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อจริงๆ"
������� "เราสู้หนักมาก ร็อบโบ้ (แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน) สู้ต่อแม้ตัวเองเจ็บก็ยังฝืนเล่นจนจบครึ่งแรก แม้แต่ผมเองเมื่อเกมจบลง ผมยังอึ้งไม่หายเลยจริงๆ เราทำได้ เราทำในสิ่งที่เหลือเชื่อ"
������� "เราแสดงให้เห็นว่าเราผสมผสานระหว่างพรสวรรค์และความทุ่มเทจนกลายเป็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม มันเป็นสิ่งพิเศษสำหรับเราสำหรับการผ่านเข้าชิงชนะเลิศหนนี้"