���� แอนฟิลด์แทบแตก หลังแข้ง "หงส์แดง" ทำเรื่องเหลือเชื่อหลังเกมแรกพ่ายมา 0-3 แต่รวมพลังไล่ถล่มแชมป์จากสเปน บาร์เซโลน่า ไปแบบขาดลอย 4-0 จาก ดิว็อค โอริกี้ และจอร์จินโย่ ไวนัลดุม ที่ยิงคนละสองเม็ด สกอร์รวมสองนัดทะยานเข้าไปชิงชนะเลิศด้วยประตูรวม 4-3 นับเป็นการเข้าชิงปีที่สองติดต่อกัน โดยจะรอผู้ชนะระหว่าง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม หรือสเปอร์ส ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดสอง เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา
��� สนาม : แอนฟิลด์
��� งานหนักของ "หงส์แดง" เจ้าถิ่นในเกมนี้เลย หลังแมตช์แรกยกทัพบุกไปพ่าย บาร์เซโลน่า ถึงคัมป์ นู 0-3 ทำให้เกมนี้กลับมาเล่นในแอนฟิลด์ ต้องพึ่งปาฎิหาริย์อย่างเดียวเท่านั้นถึงจะผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศเป็นสมัยที่สองติดต่อกันได้สำเร็จ
��� ยิ่งเกมนี้พวกเขาไม่มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อย่างแน่นอนแล้วหลังบาดเจ็บจากศรีษะในเกมที่บุกไปชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-2 เช่นเดียวกับในราย โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และนาบี้ เกอิต้า ที่เจ็บอยู่ก่อนหน้านี้ ทำให้สามประสานเกมรุกของ ลิเวอร์พูล วันนี้ส่ง เซอร์ดาน ชากิรี่, ดิว็อค โอริกี้ และซาดิโอ มาเน่
��� ส่วนทางฝั่ง บาร์เซโลน่า กุมความได้เปรียบถึง 3-0 ทำให้เกมนี้บุกมาเยือนเล่นแบบสบายๆ หากไม่ประมาทโอกาสผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศนั้นมีสูง ด้วยสภาพทีมที่สมบูรณ์ทุกตำแหน่ง หลังพักตัวจริงเกือบยกทีมในเกมบุกไปพ่าย เซลต้า บีโก้ มาล่าสุด จะมีเพียงแค่ อุสมาน เดมเบเล่ เท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม แต่ไม่มีปัญหาเพราะทั้ง ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ พร้อมไล่ล่าสกอร์
��� ครึ่งแรก ...เปิดฉากมาไม่ถึง สองนาที "หงส์แดง" เกือบได้ลุ้นขึ้นนำก่อนเลย ซาดิโอ มาเน่ ได้บอลทางซ้ายก่อนเลี้ยงจี้แล้วจ่ายเข้ากลางให้ เซอร์ดาน ชากิรี่ วิ่งมายิงด้วยซ้ายไม่เต็มใบบอลพุ่งไปเสาสองก่อนโดน จอร์ดี้ อัลบา จิ้มบอลสกัดออกหลัง
�� แต่แล้ว นาที 7 เสียงเชียร์ของ เดอะ ค็อป ในแอนฟิลด์ดังกระหึ่ม เมื่อเจ้าถิ่นมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ที่ต้องการ บอลยาวจากแดนหลังมาถึง มาเน่ จับบอลลงให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน วิ่งมาฉกบอลก่อนเลี้ยงแหวกแนวรับเข้าไปยิงด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษ ก่อนจะไปติดมือ มาร์ค-อังเดร แตร์ สเตเก้น แต่ปัดบอลไปเข้าทางปืน ดิว็อค โอริกี้ ตามซ้ำเข้าไปอย่างง่ายดาย (สกอร์รวมไล่มาเป็น 1-3)
�� "หงส์แดง" ดาหน้าโหมบุกอย่างหนัก นาที 10 ซาดิโอ มาเน่ เลี้ยงหลบทั้ง อาร์ตูโร่ วิดาล เข้าไปในเขตโทษก่อนจะเบียดกับ เซร์จี้ โรเบร์โต้ ล้มลงไป แต่ผู้ตัดสินชาวตุรกีแบมือให้เล่นต่อ ไม่เป่าเป็นจุดโทษ
� นาที 15 บาร์เซโลน่า พลาดโอกาสได้ลูกตีเสมออย่างจัง หลัง เมสซี่ ได้ล่อเป้าหน้าบริเวณจุดโทษแต่เจ้าตัวใจเย็นล็อกบอลก่อนโดนแข้งหงส์แดงจิ้มแย่งบอลรอดพ้นอันตราย
� ถัดมา นาที 17 แฟนเดอะ ค็อปเกือบใจหายอีก เมื่ออดีตเด็กเก่าอย่าง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ หลุดเข้าไปซัดด้วยขวาเล่นทางเสาไกลแต่ยังดีที่ อลิสซอน นายด่านชาวบราซิเลี่ยนของเจ้าถิ่นยังพุ่งปัดสุดมือออกหลังไปแบบหวุดหวิด
� เกมรุกของ "เจ้าบุญทุ่ม" ยังเล่นงานอย่างต่อเนื่องคราวนี้ นาทีเดียวถัดมา บอลจากลูกเตะมุม แนวรับหงส์แดงเคลียร์บอลไม่เด็ดขาด บอลเลยมาเข้าเท้าซ้ายของ เมสซี่ วิ่งมายิงเร็วหน้ากรอบ 18 หลา บอลพุ่งถากเสาแบบได้เสียว
� บอลแลกกันสนุก เปิดเกมตอบโต้กันดุเดือด นาที 23 เป็นโอกาสของ ลิเวอร์พูล อีกครั้ง คราวนี้ ซาดิโอ มาเน่ ได้บอลทางซ้ายแต่ครอสไปติด เซร์จี้ โรแบร์โต้ บอลกระดอนมาเข้าทาง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน วิ่งมากระหน่ำด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลพุ่งเสาแรกจน มาร์ค-อังเดร แตร์ สเตเก้น ต้องผวาทุบบอลออกไป
� เกมผ่านไปถึง นาที 31 แฟนเจ้าถิ่นใจเสียวเลย หลังเห็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมมีอาการบาดเจ็บ จนต้องปฐมพยาบาลแต่ยังดีที่กลับมาลงสนามเล่นต่อไหว อีกสิบนาทีต่อมา เป็นแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่มาเจ็บบ้างแต่ยังลุกมาเล่นไหวเช่นกัน
� นาที 43 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน วิ่งมาเก็บตกแถวสองก่อนยิงไปแฉลบ อาร์ตูโร่ วิดาล บอลเปลี่ยนทางพุ่งถากเสาแรกออกไปแบบได้ลุ้น
� ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก นาที 45+3 เซอร์ดาน ชากิรี่ ทำเสียบอลตรงกลาง ก่อนที่ลิโอเนล เมสซี่ จะได้กดด้วยซ้ายนอกกรอบบอลพุ่งเลียดเบียดเสาสองออกไป ถัดมาไม่ถึงนาที เมสซี่ ไหลบอลให้ จอร์ดี้ อัลบา เติมขึ้นมายิงแต่บอลยังไม่พ้นมือของ อลิสซอน ช่วยเซฟไว้ได้
�� จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ บาร์เซโลน่า 1-0 (สกอร์รวมสองนัด 1-3)
�� ครึ่งหลัง ..."หงส์แดง" ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกหลัง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เล่นต่อไม่ไหว ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องแก้เกมด้วยการส่ง จอร์จินโย่ ไวนัลดุม ลงมาเล่นแทน แล้วให้ เจมส์ มิลเนอร์ ถ่างไปเล่นแบ็กซ้ายแทน
�� นาที 49 เจ้าถิ่นเกือบได้ลุ้น หลังบอลวางยาวมาให้ มาเน่ พักบอลด้วยหน้าขาบอลจะหลุดเข้าไปดวลกับนายด่านบาร์ซ่าแล้ว แต่ เซร์จี้ โรแบร์โต้ วิ่งมาจิ้มบอลเคลียร์ออกหลังไป และจากจังหวะเตะมุมต่อเนื่อง ชากิรี่ เปิดบอลมาในกรอบ 6 หลาให้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ดีดบอลในกรอบแต่บอลยังไปติดเซฟของ มาร์ค-อังเดร แตร์ สเตเก้น
���� เช่นเดียวกับทีมเยือนที่ได้ลุ้นตีเสมอบ้าง นาที 51 เมสซี่ แทงบอลให้ หลุยส์ ซัวเรซ หลุดเข้าไปยิงแต่บอลยังไปติดปลายมือของ อลิสซอน หวุดหวิด
��� แต่แล้ว นาที 54 "เดอะ ค็อป" ได้เฮกันลั่นอีกรอบ เมื่อ ลิเวอร์พูล มาได้ประตูที่รอคอย ออกนำเจ้าบุญทุ่ม 2-0 บอลจากริมเส้นด้านขวาขึ้นมาทาง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ครอสสบอลแฉลบ อีวาน ราคิติช เข้ากลางมาบริเวณจุดโทษให้ ไวนัลดุม วิ่งมาซัดบอลผ่านมือ มาร์ค-อังเดร แตร์ สเตเก้น เข้าไป
��� เท่านั้นไม่พอ "หงส์แดง" มาทำสิ่งเหลือเชื่อจนได้ เมื่อสองนาทีต่อมา มานำห่างเป็น 3-0 อย่างรวดเร็ว เจมส์ มิลเนอร์ ไหลบอลสั้นให้ เซอร์ดาน ชากิรี่ เปิดด้วยซ้ายมาเสาแรกให้ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม ที่ขึ้นสะบัดโขกบอลตุงตาข่าย เป็นประตูที่สองในเกมนี้ของห้องเครื่องชาวฮอลแลนด์มีลุ้นแฮตทริก สกอร์รวมตอนนี้ ลิเวอร์พูล ไล่ตีเสมอ บาร์เซโลน่า 3-3
�� นาที 60 บาร์เซโลน่า แก้เกมบ้างด้วยการส่ง เนลสัน เซเมโด้ ลงมาเล่นแทน ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ที่เล่นไม่ออกในเกมนี้
� นาที 66 บาร์ซ่าตอบโต้มาอีกครั้ง คราวนี้ ลิโอเนล เมสซี่ พาบอลขึ้นมาเองเลี้ยงหลบแนวรับเจ้าถิ่น แต่สุดท้ายโดน เทรนท์ ตัดฟาวล์จนได้รับใบเหลืองในระยะ 30 หลา แต่จังหวะฟรีคิกนี้ ลิโอเนล เมสซี่ ยิงไปติดกำแพงหงส์แดงออกหลังไป
��� เป็นโอกาสของ เจ้าบุญทุ่ม ที่ได้กดดันต่อเนื่อง นาที 68 ได้ลุ้นอีกระลอกเมื่อ ราคิติช ยกบอลให้ ลิโอเนล เมสซี่ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิงด้วยซ้ายเต็มแรก แต่บอลยังไม่ผ่านเซฟของ อลิสซอน ที่ออกมาปิดมุมเสาแรกก่อนปัดออกหลังไปได้
��� นาที 79 แอนฟิลด์แทบสนามแตก เมื่อ ลิเวอร์พูล ทำเหลือเชื่อพังประตูนำห่างเป็น 4-0 จากจังหวะได้ลูกเตะมุมทางด้านขวา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำแสบหลอกเล่นบอลเร็วในขณะที่แข้งบาร์ซ่ายังไม่ทันตั้งตัว ด้วยการเปิดเลียดเร็วไปกลางประตูให้ ดิว็อค โอริกี้ วิ่งมายิงด้วยขวาบอลพุ่งเข้าเสาไกล เป็นประตูที่สองในเกมนี้ มีลุ้นแฮตทริกเช่นเดียวกับ ไวนัลดุม สกอร์รวมตอนนี้แซงนำ บาร์เซโลน่า เป็น 4-3 แล้ว ส่วน เทรนท์ ไอ้หนูวัย 20 ปี กลายเป็นจอมแอสซิสต์ของ "หงส์แดง" ในซีซั่นนี้ไปแล้วหลังจ่ายให้เพื่อนร่วมทีมไป 14 ครั้ง
�� นาที 85 ลิเวอร์พูล ต้องเปลี่ยนตัวเป็นคนที่สอง หลัง ดิว็อค โอริกี้ เล่นไม่ไหว ก่อนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะส่ง โจ โกเมซ ลงไปเล่นแทน
�� ช่วงท้ายเกม ไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม ลิเวอร์พูล ทำเหลือเชื่อสร้างปาฎิหาริย์พลิกนรกกลับมาเอาชนะ บาร์เซโลน่า 4-0 รวมสองนัดผ่านเข้าชิงชนะเลิศด้วยสกอร์รวม 4-3 โดยจะเข้าไปรอพบผู้ชนะระหว่าง อาแจ็กซ์ หรือ สเปอร์ส ในวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน นี้
����� รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม�����
��
������� ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (จอร์จินโย่ ไวนัลดุม น.46) - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, เจมส์ มิลเนอร์ - เซอร์ดาน ชากิรี่ (ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ น.90), ดิว็อค โอริกี้ (โจ โกเมซ น.85), ซาดิโอ มาเน่
������� เทรนเนอร์ : เจอร์เก้น คล็อปป์
�
������� บาร์เซโลน่า (4-3-3) : มาร์ค-อังเดร แตร์ สเตเก้น - เซร์จี้ โรเบร์โต้, เคราร์ด ปีเก้, เกลม็องต์ ล็องก์เล่ต์, จอร์ดี้ อัลบา - อิวาน ราคิติช (มัลคอม น.80), เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อาร์ตูโร่ วีดาล (อาเธอร์ น.75) - ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (เนลสัน เซเมโด้ น.60)
������� เทรนเนอร์ : เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้
������� ผู้ตัดสิน : คูเน็ย์ต ชาคีร์ (ตุรกี)