������� "หงส์แดง" เจาะแนวรับ "ผีแดง" ไม่เข้าเสมอกันไปแบบไร้สกอร์ 0-0 ส่งผลให้ แมนฯยูไนเต็ด มีเพิ่มอีกหนึ่งคะแนนเป็น 37 แต้มรั้งจ่าฝูงต่อ ส่วน ลิเวอร์พูล ไม่ชนะในเกมลีกนัดที่ 4 ติดต่อกันรั้งอันดับ 3 มี 34 คะแนน
��� ซูเปอร์บิ๊กแมตช์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 17 มกราคมที่ผ่านมาเป็นศึก "แดงเดือด" ของสองทีมหัวตาราง แชมป์เก่าและรองจ่าฝูง ลิเวอร์พูล เปิดแอนฟิลด์รับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง แมนฯยูไนเต็ด ทีมนำจ่าฝูง
��� โดย 10 เกมหลังสุดทุกรายการที่ทั้งคู่เจอกันนั้น "ผีแดง" คว้าชัยเหนือ "หงส์แดง" ได้แค่ครั้งเดียวคือเมื่อปี 2018 ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ส่วนเกมล่าสุดที่ทัพอสูรแดงบุกมาคว้าชัยนั้นต้องย้อนไปในเกมลีกเมื่อ วันที่ 17 มกราคม 2016 หรือวันนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้วจะการซัดประตูชัยของ เวย์น รูนี่ย์
��� เจอร์เก้น คล็อปป์ เพิ่งจะพาทีมคว้าชัยในเกมเอฟเอ คัพ ล่าสุดหลังไล่ตบเด็ก แอสตัน วิลล่า 4-1 ทว่าก่อนหน้านั้นในลีกพวกเขาไม่ชนะมา 3 เกมติด การจัดตัวในวันนี้พร้อมส่งสามหน้าอันตรายทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่ และซาดิโอ มาเน่ ส่วนแดนกลางส่ง เซอร์ ชากิรี่ ปั้นเกมร่วมกับ ติอาโก้ และจอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ส่วน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมถอยลงไปเล่นเซ็นเตอร์แบ็ก
��� ด้าน โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่ของ "ผีแดง" ผลงานยอดเยี่ยมมากไร้พ่ายในลีกมา 11 เกมติดแล้วล่าสุดบุกไปทุบ เบิร์นลี่ย์ 1-0 จนขึ้นรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของลีกเป็นหนแรก เกมนี้มาเต็มสูบ ปอล ป็อกบา และบรูโน่ แฟร์นันด์ส นำทัพร่วมกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด โดยทิ้ง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล เป็นหน้าเป้า
��� ออกสตาร์ทครึ่งแรก เป็นเจ้าบ้านที่ครองเกมได้มากกว่า นาทีที่ 3 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กึ่งยิงกึ่งผ่านไปหน้ากรอบแต่บอลลึกไปเข้าข้างตาข่ายแบบได้เสียว
��� ผ่านไป 10 นาทีแรก รูปเกมยังคงสูสี ต่างฝ่ายต่างระมัดระวังเล่นกันอย่างรัดกุม
���
��� นาที 14 โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่ ได้โอกาสซัดแต่ไปติดบล็อค แม็กไกวร์ บอลมาเข้าทาง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แต่ซัดบอลเหินคานไปแบบหมดลุ้น
��� เกมของเจ้าบ้านยังวูบวาบมากกว่า และใกล้เคียงกับการได้ประตูขึ้นเรื่อยๆ นาที 17 ชากิรี่ แทงบอลลึกให้ ซาดิโอ มาเน่ วิ่งไปเก็บบอลก่อนตบคืนหลังให้ ฟีร์มิโน่ วิ่งมาซัดด้วยซ้ายหลุดกรอบไปอีก
��� ยังเป็น "หงส์แดง" ที่กดดันเข้าใส่อย่างหนัก นาที 22 ฟีร์มีโน่ ได้โอกาสยิงอีกแต่ยังไปติดบล็อค กระดอนมาเข้าเท้า ซาลาห์ ตะบันด้วยซ้ายนอกกรอบก็ยังเหินไปอีก อีก 2 นาทีถัดมา เซอร์ดาน ชากิรี่ ลองตั้งป้อมอัดนอกกรอบบ้าง แต่ก็ยังกดไม่ลงลอยโด่งออกไปไกล
��� นาที 34 "ผีแดง" ได้โอกาสลุ้นหนแรกจากฟรีคิกนอกกรอบกว่า 25 หลา และเป็น บรูโน่ แฟร์นันด์ส ปั่นบอลข้ามกำแพงไปแล้วแต่ติดไซด์โค้งถากเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย
��� ไม่ถึงนาทีต่อมา "หงส์แดง" สวนกลับขึ้นมาทางซ้าย โม ซาลาห์ ตะลุยเลี้ยงตัดเข้ากลางในกรอบก่อนบอลเลยมาเข้าทาง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ยิงไม่ดีพอบอลพุ่งไปเข้ามือ ดาบิด เด เคอา นับเป็นการยิงเข้ากรอบหนแรกของเกมในวันนี้
��� จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ที่มีโอกาสมากกว่าแต่ไม่สามารถเจาะแนวรับของ แมนฯยูไนเต็ด ได้ยังเสมอกัน 0-0
��� กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง "หงส์แดง" ยังคงตั้งหน้าตั้งตาบุกเข้าใส่และครองบอลได้ดีกว่า
��� นาที 58 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ครอสบอลแรงจากซ้ายมาเสาไกลบอลกำลังจะถึง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ง้างเท้ามายิงแล้วแต่ไปโดน แฮร์รี่ แม็คไกว์ร จิ้มบอลออกหลังหวุดหวิด
��� เกมผ่านไปครบหนึ่งชั่วโมง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ แก้เกมด้วยการถอดเอา อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ออกแล้วส่ง เอดินสัน คาวานี่ ลงเล่นแทน
��� นาที 62 หงส์แดงกดดันต่อเนื่องคราวนี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แต่งเข้าซ้ายก่อนพยายามยิงเสาแรกแต่บอลไปแฉลบขา แม็กไกวร์ ออกหลังไปอีก
��� อีกสามนาทีต่อมา เป็นโอกาสยิงเข้ากรอบครั้งแรกของ "ผีแดง" บอลตอบโต้จากเฟร็ดแทงขึ้นหน้าให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เลี้ยงเข้าไปซัดหน้ากรอบแต่บอลพุ่งไปเข้ามือ อลิสซอน เบ็คเกอร์
��� นาที 75 ผีแดงชวดขึ้นนำเจ้าถิ่นอย่างน่าเสียดาย หลังบอลสวนกลับของ แรชฟอร์ด ขึ้นมาทางซ้ายก่อนเลี้ยงจี้เข้ากรอบแล้วให้ ลุค ชอว์ ที่วิ่งอ้อมหลังปาดเลียดให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส แปด้วยขวาแต่ยังไปติดขาของ อลิสซอน เบ็คเกอร์
��� นาที 78 "หงส์แดง" ก็เกือบเป็นฝ่ายชิงขึ้นนำไปก่อนเช่นกัน คราวนี้เป็น ติอาโก้ อัลคันทาร่า พลิกตัวหลบก่อนซัดเต็มแรงนอกกรอบบอลพุ่งแรง แต่ยังไม่ผ่านมือ ดาบิด เด เคอา พุ่งปัดออกไปได้
��� นาที 83 ผีแดงเกือบได้ลุ้นประตูอีก แอรอน วาน-บิสซาก้า กระชากขึ้นมาแล้วให้ ปอล ป็อกบา กดด้วยขวามุมแคบแต่ยังไปติดมืออลิสซอนเซฟออกไป
��� ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่สามารถยิงประตูกันได้ จบเกม ลิเวอร์พูล ทำได้แค่เสมอกับ แมนฯยูไนเต็ด 0-0 แบ่งแต้มกันไป ทำให้ "ผีแดง" ยังครองตำแหน่งจ่าฝูงเหมือนเดิม
���
��� รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
��� ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - เซอร์ดาน ชากิรี่ (เคอร์ติส โจนส์ น.76), ติอาโก้ อัลคันทาร่า, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม (เจมส์ มิลเนอร์ น.89) - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (ดิว็อค โอริกี้ น.85), ซาดิโอ มาเน่
��� ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์
��� แมนฯยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา - แอรอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็คไกว์ร, ลุค ชอว์ - สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด -� มาร์คัส แรชฟอร์ด, บรูโน่ แฟร์นันด์ส (เมสัน กรีนวู้ด น.90), ปอล ป็อกบา - อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล (เอดินสัน คาวานี่ น.61)
��� ผู้จัดการทีม : โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
��� ผู้ตัดสิน : พอล เทียร์นี่ย์