������ แดนนี่ อิงส์ ซัดประตูชัยใส่ทีมเก่าตั้งแต่ 2 นาทีแรก ก่อนเช็กบิลพา เซาธ์แฮมป์ตัน เบียดเอาชนะแชมป์เก่า ลิเวอร์พูล 1-0 คว้าสามแต้มแซงขึ้นที่ 6 มี 29 คะแนน ส่วน "หงส์แดง" ทิ้งโอกาสหนี "ผีแดง" หลังสะดุด 3 นัดติดมี 33 คะแนนเท่าเดิมแต่แข่งมากกว่าหนึ่งนัด ทว่าลูกได้เสียดีกว่า แมนฯยูไนเต็ด ทำให้รั้งจ่าฝูงต่อไปโดยทั้งสองทีมมีคิวบู๊กันในเกมแดงเดือดนัดต่อไปไปที่แอนฟิลด์
������� สนาม : เซนต์ แมรี่ส์
��� เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วีก 17 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 เป็นการพบกันระหว่าง เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมอันดับ 9 เปิดรังรับการมาเยือนของแชมป์เก่า และจ่าฝูงอย่าง ลิเวอร์พูล โดยผลงานล่าสุดของทั้งคู่นั้น "นักบุญ" เสมอกับเวสต์แฮมมา 0-0 ขณะที่ "หงส์แดง" ทำได้แค่บุกเจ๊ากับ นิวคาสเซิ่ล แบบไร้สกอร์ 0-0 เช่นกัน
��� ราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิ่ล กุนซือของนักบุญ คัมแบ็กกลับมาคุมทีมข้างสนามหลังพ้นจากการกักตัว เกมนี้ ใช้สองคู่หน้าเป็น ธีโอ วัลค็อตต์ และ แดนนี่ อิงส์ ส่วนทางฝั่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ของ "หงส์แดง" นั้นเปลี่ยน 3 ตำแหน่งจากเกมที่เสมอกับสาลิกาดง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, ติอาโก้ และจอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ออกสตาร์ทตัวจริง โดยถอย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมยืนเซ็นเตอร์แบ็กกับ ฟาบินโญ่ ส่วนสามแนวรุกยังเหนือนเดิมทั้ง ซาลาห์, ฟีร์มีโน่ และซาดิโอ มาเน่
��� เริ่มเกมมาแค่ 2 นาทีแรก เจ้าบ้าน "นักบุญ" ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ ติอาโก้ เสียฟาวล์ให้ เจมส์ วอร์ด-เพร้าส์ เปิดฟรีคิกเข้ามาในกรอบ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อ่านจังหวะพลาดบอลตกพื้นให้ แดนนี่ อิงส์ หลุดเข้าไปกระดกบอลข้ามหัว อลิสซอน เข้าไปอย่างสวยงาม
��� หลังเสียประตู "หงส์แดง" พยายามบุกอย่างหนักเพื่อลุ้นตีเสมอให้ได้ นาที 11 เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ครอสเข้าไปจะถึงหัว มาเน่ อยู่แล้วแต่มาโดน ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส โขกทิ้งไป ก่อนอีกนาทีถัดมา ทีมเยือนได้ลุ้นจากเตะมุม เทรนท์เปิดมาให้ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม โขกไปติดบล็อคก่อนมาเข้าทาง เฮนเดอร์สัน ซัดสวนเหินคานออกไป
��� เกมผ่านไปครึ่งชั่วโมง ราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิ่ล นายใหญ่ของนักบุญ ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกหลัง มุสซ่า เฌเนโป เจ็บจนเล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง นาธาน เทลล่า ลงเล่นแทน
��� นาที 34 เป็นโอกาสลุ้นของหงส์แดง หลัง ติอาโก้ วางบอลขึ้นหน้าให้ ซาดิโอ มาเน่ กระชากเข้าไปหน้ากรอบ ทว่าจังหวะปั่นบอลด้วยขวาหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย
��� นาที 40 เจ้าบ้านเกือบได้เม็ดที่สองนำห่างหลัง แดนนี่ อิงส์ เช็ดบอลให้ นาธาน เทลล่า ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาหลุดเข้าไปก่อนโยกหนีแล้วปั่นบอลโค้งถากเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย
��� ช่วงทดเจ็บนาที 45+2 ลูกทีมของ คล็อปป์ ได้ลุ้นตีเสมออีกครั้ง� โรเบิร์ตสัน แทงออกซ้ายให้ มาเน่ ตักจากเส้นหลังมาถึง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ขึ้นโขกหลุดกรอบออกไปแบบได้ลุ้น
��� จบครึ่งแรก เซาธ์แฮมป์ตัน ขึ้นนำ ลิเวอร์พูล 1-0
��� ครึ่งหลัง นาที 50 จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม หวดด้วยขวาในกรอบบอลพุ่งไปโดนแขน แจ็ค สตีเฟ่นส์ แต่ผู้ตัดสินหลังคุยกับห้อง VAR ก็ไม่ได้ให้จุดโทษแก่หงส์แดงแต่อย่างใด
��� นาที 57 เจอร์เก้น คล้อปป์ เปลี่ยนคนแรกส่ง เซอร์ดาน ชากิรี่ ลงมาเล่นแทน อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน,
��� จากนั้นอีกนาทีต่อมา ซาดิโอ มาเน่ หลุดเข้าไปซัดมุมแคบในกรอบ 6 หลา แต่บอลพุ่งติดบล็อคของ แจ็ค สตีเฟ่นส์ ออกหลังอย่างน่าเสียดาย
��� นาที 66 เจ้าบ้าน เซาธ์แฮมป์ตัน ได้โอกาสสวนกลับขึ้นมาบ้าง นาธาน เทลล่า หลุดขึ้นไปทางขวาก่อนเข้ากลางให้ สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง ป้ายออกซ้ายให้ แดนนี่ อิงส์ ลองยิงนอกกรอบแต่บอลเบาไปเข้ามือ เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอ
��� นาที 75 ซาดิโอ มาเน่ หลุดเข้าไปซัดมุมแคบอีกครั้ง แต่บอลก็ยังไปตรงตัว� เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ และเป็นโอกาสส่องเข้ากรอบหนแรกของ "หงส์แดง"
��� ช่วง 10 นาทีสุดท้ายทีมเยือนโหมบุกโจมตีอย่างหนัก แต่ก็ยังไม่สามารถทวงประตูตีเสมอได้ จบเกม เซาธ์แฮมป์ตัน เปิดบ้านเฉือนเอาชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 ส่งผลให้ "หงส์แดง" ไม่ชนะมา 3 เกมติด แต้มหยุดอยู่ที่ 33 คะแนนเท่ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่แข่งมากกว่าหนึ่งเกม กระนั้นลูกได้เสียนั้นดีกว่าทำให้ยึดจ่าฝูงต่อไป
����� รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
������� เซาธ์แฮมป์ตัน (4-4-2) : เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ - ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส, ยาน เบดนาเร็ค, แจ็ค สตีเฟ่นส์, ไรอัน เบอร์ทรานด์ - สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง, เจมส์ วอร์ด-เพร้าส์, อิบราฮิม่า ดิยัลโล่, มุสซ่า เฌเนโป (นาธาน เทลล่า น.32) - ธีโอ วัลค็อตต์ (ยาน วาเลรี่ น.82), แดนนี่ อิงส์ (ดาเนี่ยล เอ็นลูนดูลู น.77)
��� ผู้จัดการทีม : ราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิ่ล����
������ ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (เจมส์ มิลเนอร์ น.77), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (เซอร์ดาน ชากิรี่ น.57), ติอาโก้, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม -โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่
��� ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์
��� ผู้ตัดสิน : อังเดร มาร์ริเนอร์