รอย ฮอดจ์สัน จัดการเซ็นสัญญากับ ราอูล เมยเรเลส กองกลางดีกรีทีมชาติ โปรตุเกส มาจากปอร์โต้มาอยู่กับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูลในเดือนสิงหาคม 2010 ตัดหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด คู่ปรับตลอดกาลได้สำเร็จ

สตาร์ทีมชาติโปรตุเกสโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในศึกฟุตบอลโลก 2010 โดยมี ส่วนร่วมทุกเกมที่โปรตุเกสลงแข่งและได้รับการยกย่อง ให้เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ ที่ครบเครื่องมากที่สุดคนนึงในยุโรป

แม้จะเกิดที่ปอร์โต้ แต่ เมยเรเลส ไปเริ่มต้นอาชีพกับ เบาวิสต้า แต่ก็ยังไม่มี โอกาสได้เล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ เบาวิสต้า เพราะใน 2 ฤดูกาลแรกเขาถูก เดสปอร์ติโบ ดาส อาเวส ทีมในดิวิชั่นสองยืมตัวไปใช้งานถึง 2 ฤดูกาลเต็ม ก่อนจะ ได้กลับมาเล่น ให้กับ เบาวิสต้า อีกครั้งในฤดูกาล 2003-04

เมยเรเลส ได้ประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ของเบาวิสต้าเป็นเกมแรกในนัดที่พบกับ เบนฟิก้า เมื่อ 17 สิงหาคม 2003 ซึ่งในเกมนี้เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม จนได้รับเลือกจากหนังสือพิมพ์ เรกคาร์ดเลือกให้เป็น นักเตะยอดเยี่ยมประจำเกม ด้วย

อย่างไรก็ตามในปีนั้นแม้จะได้เล่นมากถึง 29 เกม แต่เมยเรเลสกลับทำประตู ไม่ได้ซักลูกเดียว แต่ด้วยฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอตลอดทั้งฤดูกาลทำให้ ปอร์โต้ ยักษ์ ใหญ่ของประเทศเซ็นสัญญาเขาไปร่วมทีมด้วยสัญญา 5 ปี

เมยเรเลส ได้กลับมาเล่นให้ทีมบ้านเกิดสมใจอยาก แต่ทว่าในช่วงแรกนั้น เขามี ปัญหากับการปรับตัวไม่น้อย เนื่องจากผู้จัดการทีมปอร์โต้ในเวลานั้นจับเขาไปยืน ประจำการ ในตำแหน่งแบ็คซ้าย แต่ในท้ายที่สุดแล้ว เมยเรเลส ก็ได้รับโอกาส ให้ลงไปยืนคุมเกม ในแดนกลางอีกครั้ง ซึ่งเขาก็แสดงให้เห็นว่าตำแหน่งนี้ คือ ตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด สำหรับตัวเขาแล้ว

เมยเรเลส ประสานงานในแดนกลางร่วมกับ ลูโช่ กอนซาเลซ จนทำให้ ปอร์โต้ จนทำให้ ปอร์โต้ กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศ เขาคว้าแชมป์ ทริปเปิ้ล แชมป์ ร่วมกับ ปอร์โต้ ในฤดูกาล 2005-06 พร้อมกับการก้าวขึ้นไปติดทีมชาติ โปรตุเกสชุดใหญ่ในปีนั้นเอง

ฟอร์มการเล่นของ เมยเรเลส เริ่มฉายแววเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อเขาเริ่มมี อาวุธ หนักอย่างลูกยิงไกลและการเติมมาทำประตู ทำให้เขากลายเป็นกองกลาง ที่ครบ เครื่องทั้งรุกและรับไปโดยปริยาย

เมยเรเลส เคยทำประตูช่วยให้ปอร์โต้เอาชนะเชลซีในแชมเปี้ยนส์ ลีก และ เคยลง เผชิญหน้ากับทีมหงส์แดงในรายการเดียวกันนี้มาแล้วด้วย

ในศึกยูโร 2008 ที่ออสเตรียและสวิสเซอร์แลนด์เป็นเจ้าภาพ เมยเรเลส มีชื่อติด อยู่ ในทีมชุดนี้ด้วย ถึงแม้เขาก็ยังไม่ใช่ตัวหลักในทีมชาติเวลานั้น แต่ก็อุตส่าห์ ทำประตูแรกในนามทีมชาติได้สำเร็จในเกมที่พบกับ ตุรกี

เมยเรเลส คว้าแชมป์ร่วมกับปอร์โต้มากมายตลอด 6 ปีที่ค้าแข้งอยู่ ไม่ว่าจะเป็น แชมป์ลีกโปรตุเกส 4 สมัยซ้อน แชมป์โปรตุกีส คัพ 3 สมัย และ โปรตุกีส ซูเปอร์ คัพ 3 สมัย โดยทำผลงานลงสนามไปทั้งหมด 192 เกม ยิงไป 19 ประตู

ในช่วงซัมเมอร์ 2010 รอย ฮอดจ์สัน กำลังมองหานักเตะ ที่จะมาช่วยขับเคลื่อนใน เกมรุก ร่วมกับ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด และ ทดแทนการจากไปของ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ จึงได้มี การทาบทามไปยัง เมยเรเลส ซึ่งเจ้าตัวก็ยินดีอย่างมาก ที่จะมีโอกาสได้ย้าย มาหา ประสบการณ์ใหม่ๆ ในลีกที่แข็งแกร่งอย่างพรีเมียร์ลีก

เมยเรเลส ย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่ของในถิ่นแอนฟิลด์หลังฟุตบอลโลก 2010 จบลง โดยดาวเตะโปรตุเกสลงสนามให้ลิเวอร์พูลนัดแรกในเกมที่เสมอกับ เบอร์มิงแฮม 0-0 แต่ในช่วงเวลาที่ รอย ฮอดจ์สัน คุมทีมอยู่นั้น ผลงานของ เมยเรเลส นั้นยังดู ไม่เข้าตา เท่าไหร่ จะเป็นด้วยระบบการเล่น หรือ เพราะการ ปรับตัวก็แล้วแต่ แต่ในช่วงครึ่ง ฤดูกาลหลังที่ เคนนี่ ดัลกลิช เข้ามาคุมทัพแทนนั้น ฟอร์มการเล่น ของ เมยเรเลส เปรี้ยงปร้างขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

เมยเรเลส ยิงไปถึง 5 ประตูใน 6 เกม ซึ่งหลายประตูเป็นประตูสุดสวย ที่ถูกยกมา ฉายทางหน้าทีวีหลายครั้ง ซึ่งประตูเหล่านั้นเองที่ช่วยให้ทีมหงส์แดงเก็บชัยชนะ ได้อย่าง ต่อเนื่องทั้งในเกมที่พบกับ เอฟเวอร์ตัน และ เชลซี จนตัวเขาเองได้รับ เลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนกุมภาพันธ์ของพรีเมียร์ลีก

โดยเฉพาะช่วงที่ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ได้รับบาดเจ็บต้องพักยาวนั้น เมยเรเลส ก้าวขึ้นมา เป็นนักเตะหัวใจสำคัญของทีมลิเวอร์พูลไปเรียบร้อย โดยเขาประสาน งาน ร่วมกับ ลูคัส เลว่า และ เจย์ สเปียริ่ง จนทำให้แดนกลางของทีมหงส์แดง ขับเคลื่อน ได้อย่างลื่นไหล ได้ใจแฟนๆ ไปเต็มๆ

ฤดูกาลแรกของ เมยเรเลส กับลิเวอร์พูลถือว่าสอบผ่านอย่างสบาย ด้วยผลงาน การลงสนามไปทั้งหมด 41 เกมยิงไป 5 ประตู พร้อมกับยังได้รับเลือกให้เป็น นักเตะ ยอดเยี่ยมแห่งปีจากการโหวตของแฟนบอลทั้ง 20 ทีม โดยมีคะแนน เหนือ เฟร์นานโด ตอร์เรส, ซามี นาสรี่ และ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟด้วย

แม้ในช่วงที่ผ่านมาลิเวอร์พูลจะมีข่าวลือว่าจะขายเขาออก แต่สุดท้ายแล้ว เมยเรเลส ก็ประกาศกร้าวว่าเขาพร้อมที่จะอยู่พิสูจน์ตัวเองต่อในถิ่นแอนฟิลด์ แม้จะมีนักเตะใหม่ในตำแหน่งเดียวกันย้ายเข้ามาหลายคนก็ตาม